จุดเริ่มต้นของเศรษฐศาสตร์ ของ เศรษฐศาสตร์

ข้อเขียนทางเศรษฐศาสตร์สามารถย้อนกลับไปได้ถึงยุคสมัยเมโสโปเตเมีย, กรีซโบราณ, โรมันโบราณ, อนุทวีปอินเดีย, จีน, เปอร์เซีย และอารยธรรมอาหรับ ปราชญ์ที่มีชื่อเสียงในยุคโบราณจนถึงคริสต์ศตวรรษที่ 14 ได้แก่ อริสโตเติล, ซีโนโฟน, จันนากียะ หรือ วิษณุคุปต์, จักรพรรดิฉินที่ 1, โทมัส อควีนาส และอิบน์ ค็อลดูน ผลงานของอริสโตเติลมีอิทธิพลอย่างมากต่องานของอควีนาส ผู้ซึ่งมีอิทธิพลต่อปรัชญาเมธีรุ่นหลัง ๆ ในคริสต์ศตวรรษที่ 14-17[3] โจเซฟ ชูมปีเตอร์ บรรยายถึงอควีนาสไว้ว่าเป็นผู้ที่ "ใกล้เคียงกว่าคณะอื่นใดที่จะได้ชื่อว่าเป็น 'ผู้ก่อตั้ง' เศรษฐศาสตร์" ในเชิงทัศน์กฎธรรมชาติด้านการเงิน, ดอกเบี้ย และทฤษฎีด้านมูลค่า[4]

แม้การถกเถียงเรื่องการซื้อขายและการจัดสรรจะมีประวัติศาสตร์มายาวนาน เศรษฐศาสตร์ในความคิดของคนสมัยใหม่นั้นจะถือเอาวันที่อดัม สมิธได้เผยแพร่หนังสือเรื่อง "ความมั่งคั่งของประชาชาติ" (The Wealth of Nations) ในปี ค.ศ. 1776 เป็นการเริ่มต้น

เดิมอดัม สมิธเรียกวิชานี้ว่า เศรษฐกิจการเมือง (Political Economy) เนื่องจากในขณะนั้นยังไม่มีคำศัพท์คำว่า Economics ต่อมาคำว่าเศรษฐกิจ (Economy) ได้ถูกปรับรูปเป็นคำว่า เศรษฐศาสตร์ (Economics) และกลายเป็นสาขาวิชาอีกแขนงหนึ่งเป็นต้นมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1870 อดัม สมิธเป็นนักปรัชญาคนแรกที่เสนอว่าความร่ำรวยของประเทศไม่ได้ขึ้นอยู่กับเงินคงคลัง แต่ขึ้นอยู่กับขนาดเศรษฐกิจ ซึ่งเป็นแนวคิดเกี่ยวกับผลผลิตมวลรวมประชาชาติ (GDP) การส่งออกไม่แน่ว่าจะเป็นประโยชน์ หรือการนำเข้าก็ไม่แน่ว่าจะเป็นการขาดทุน การค้าขายอาจจะก่อให้เกิดประโยชน์ต่อทั้งสองฝ่ายคู่ค้า (win-win situation) และกลไกการตลาดเปรียบเสมือน "มือที่มองไม่เห็น" (Invisible Hand) ซึ่งในระยะยาว (long run) มีแนวโน้มจะปรับตัวเข้าสู่จุดสมดุล