ลักษณะและพฤติกรรม ของ เสือดาวแอฟริกา

จัดเป็นเสือใหญ่อีกชนิดหนึ่งที่พบได้ทั่วไปในทวีปแอฟริกานอกเหนือจากสิงโต จัดเป็น 1 ใน 5 ของสัตว์ป่าผู้ยิ่งใหญ่แห่งแอฟริกา หรือ "บิ๊ก 5" ที่นักท่องเที่ยวต่างต้องการที่จะพบเห็นตัวในการเที่ยวแบบซาฟารี ซึ่งประกอบไปด้วยสิงโต, เสือดาว, ช้างป่า, ควายป่า และแรดขาว แต่เสือดาวนับเป็นสัตว์ป่าที่หาตัวได้ยากที่สุด เพราะมีทักษะในการหลบซ่อนตัวเก่งและมีพฤติกรรมที่อยู่ลำพังเพียงตัวเดียว นอกจากฤดูผสมพันธุ์ ที่จะอยู่เป็นคู่

เสือดาวแอฟริกาตัวผู้ มีน้ำหนักเมื่อโตเต็มที่ 50–80 กิโลกรัม ในขณะที่ตัวเมียประมาณ 32–55 กิโลกรัม ความสูงจากตีนจนถึงหัวไหล่ 60–70 เซนติเมตร ความยาวลำตัว 1.2–1.8 เมตร ความยาวหาง 70 เซนติเมตร–1 เมตร ถือเป็นเสือดาวชนิดย่อยที่มีขนาดใหญ่ที่สุด[2] อายุโดยเฉลี่ย 12–15 ปี นอกจากนี้แล้ว เสือดาวแอฟริกายังเชื่อว่าเป็นต้นสายพันธุ์ของบรรดาเสือดาวทั้งหมดในปัจจุบัน โดยกำเนิดขึ้นเมื่อ 500,000 ปีที่แล้วที่ทวีปแอฟริกา ก่อนที่จะแพร่ขยายพันธุ์และถิ่นที่อยู่ออกไปในทวีปเอเชีย[2]

เสือดาวแอฟริกาล่าสัตว์กินพืชอย่างทอมสันส์กาเซลล์, อิมพาลา, หมูป่า, กระต่ายป่า รวมถึงงูเหลือมกินเป็นอาหาร โดยมักเลือกเหยื่อขนาดกลางที่น้ำหนักไม่เกิน 200 กิโลกรัม แต่ก็อาจจะล่าเหยื่อขนาดใหญ่อย่างอีแลนด์ ที่มีน้ำหนักกว่า 900 กิโลกรัมได้[2] โดยใช้วิธีแอบซุ่มจู่โจมไม่ให้เหยื่อทันรู้ตัว โดยแอบย่องเข้าไปใกล้เหยื่อในระยะ 5–9 เมตร โดยใช้ลายตามลำตัวพรางตัว แล้วจึงพุ่งเข้าใส่ เสือดาวสามารถวิ่งได้เร็วประมาณ 60 กิโลเมตร/ชั่วโมง มีอาณาบริเวณหากินประมาณ 35–40 กิโลเมตร แต่จะไม่วิ่งไล่เหยื่อนานเท่าเสือชีตาห์ และเมื่อได้เหยื่อแล้วเมื่อกินไม่หมด และมีการเอาเหยื่อขึ้นไปซ่อนหรือแขวนไว้บนต้นไม้ เพื่อที่จะกลับมากินต่อในมื้อถัดไป แต่ถ้าล่าเหยื่อได้บนต้นไม้ จะลากลงมากินบนพื้น[3] ซึ่งพฤติกรรมเช่นนี้ไม่พบในเสือดาวในทวีปเอเชีย[4] นอกจากนี้แล้วเสือดาวยังสามารถว่ายน้ำ หาอาหารที่เป็นสัตวน้ำ เช่น ปู, ปลา หรือแม้แต่กระทั่งจระเข้ขนาดย่อม ๆ กินเป็นอาหารได้ด้วย รวมถึงแม้แต่ หมาจิ้งจอก หรือไฮยีน่าที่มารังควานได้ด้วย [3]

เสือดาวแอฟริกา กระจายพันธุ์ทั่วทวีปแอฟริกา ตั้งแต่ใต้สะฮาราเป็นต้นไป อาศัยอยู่ได้ในทุกภูมิประเทศทั้งทะเลทรายแห้งแล้ง จนถึงป่าโปร่ง หรือป่าทึบ และพบได้ในที่สูง โดยมีบันทึกว่าพบที่ความสูงถึง 5,700 เมตร (18,700 ฟุต) บนเนินภูเขาไฟที่ทิวเขารูเวนโซรีและเทือกเขาวีรุงกาในสาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก และกินน้ำที่มีอุณหภูมิสูงถึง 37 องศาเซลเซียส (99 ฟาเรนไฮต์) ได้ในอุทยานแห่งชาติวิรุงกา[5]

เสือดาวแอฟริกาล่าเหยื่อเป็นแอนทิโลปขณะพุ่งใส่เหยื่อ

แม้จะเป็นสัตว์นักล่าขั้นสูงสุด แต่บางครั้งเสือดาวแอฟริกาก็ถูกสิงโตล่าเป็นอาหารได้ ลูกเสือที่ยังเล็กก็ตกเป็นอาหารของสิงโตและไฮยีน่าได้เช่นกัน รวมถึงถูกล่าโดยมนุษย์เพื่อความต้องการหนังที่มีลวดลายสวยงาม โดยหนังของเสือดาวแอฟริกาใช้เป็นเครื่องแต่งกายในพิธีกรรมทางศาสนาของชนพื้นเมืองแถบแอฟริกา คือ ชนเผ่าซูลู[2] เสือดาวแอฟริกาตัวเมียที่มีลูกอ่อน จะย้ายที่อยู่ตลอดเวลารวมถึงคาบลูกไปหลบซ่อนตามที่ต่าง ๆ อยู่เสมอ[6] โดยจำนวนของเสือดาวแอฟริกาในธรรมชาติ ปัจจุบันไม่เป็นที่ทราบแน่ชัด[2]