เหตุผลวิบัติไฟไหม้ฟาง[1][2] (
อังกฤษ: slippery slope fallacy หรือ SSF) ในทาง
ตรรกศาสตร์,
การคิดวิเคราะห์,
วาทศิลป์ทางการเมือง และ
กฎหมายตามแนวบรรทัดฐานของคําพิพากษา (case law) เป็นการอ้างเหตุผลอย่างวิบัติ (fallacious agrument) เมื่อฝ่ายหนึ่งยืนยันว่าการกระทำก้าวเล็ก ๆ หนึ่งจะนำไปสู่
ห่วงโซ่เหตุการณ์ที่คล้ายคลึงกันและท้ายสุดจะก่อให้เกิดผลลัพธ์สำคัญ (ที่โดยปกติจะเป็นผลลบ)
[3] แก่นหลักของการอ้างเหตุผลแบบไฟไหม้ฟางคือ การตัดสินใจอย่างเฉพาะเจาะจงในประเด็นที่กำลังกล่าวถึงมักเป็นเหตุของ
ผลที่ไม่ตั้งใจ (unintended consequences) ข้อดีของการอ้างเหตุผลแบบดังกล่าวขึ้นอยู่ว่าก้าวเล็ก ๆ นั้นจะนำไปสู่ผลลัพธ์ที่ไม่ดีจริงหรือไม่ และบางครั้งมักถูกใช้ในรูปแบบของ
การปลุกปั่นให้เกิดความหวาดกลัว (fearmongering) เมื่อผลที่อาจเกิดขึ้นได้ถูกกล่าวเกินจริงเป็นความพยายามที่จะทำให้ผู้รับสารรู้สึกหวาดกลัวนัยยะอันวิบัติของการให้เหตุผลแบบไฟไหม้ฟาง มักใช้ควบคู่กันกับ
เหตุผลวิบัติต่อเนื่อง (continuum fallacy) ซึ่งเพิกเฉยความเป็นไปได้ของส่วนกลางระหว่างความคิดหรือมุมมองที่ขัดแย้งกัน และเชื่อการเปลี่ยนผ่านอย่างไร้รอยต่อจากหมวดหมู่เอ ไปยังหมวดหมู่บี เมื่อเป็นเช่นนี้จึงทำให้เกิด
เหตุผลวิบัติอรูปนัย (informal fallacy)นักเขียนบางคนแยกส่วนระหว่าง เหตุการณ์ ไฟไหม้ฟาง และ การอ้างเหตุผล ไฟไหม้ฟาง
[4][5]:122 เหตุการณ์ไฟไหม้ฟางสามารถแทนโดยอนุกรมของประพจน์มีเงื่อนไขว่า:การอ้างเหตุผล ไฟไหม้ฟาง โดยส่วนใหญ่จะเป็นการอ้างเหตุผลเชิงลบซึ่งมีความพยายามที่จะให้ขัดขวางไม่ให้บุคคลใดกระทำการกระทำใด เพราะหากบุคคลนั้นกระทำจะนำไปสู่ผลลัพธ์ที่ยอมรับไม่ได้
[6] นักเขียนบางคนชี้ให้เห็นว่าการอ้างเหตุผลด้วยโครงสร้างเดียวกันอาจนำไปใช้ในทางบวกเมื่อบุคคลใดได้รับแรงกระตุ้นให้กระทำก้าวแรก เพราะจะนำไปสู่ผลลัพธ์ที่ยอมรับได้
[7]หากใครถูกกล่าวหา ว่าใช้การอ้างเหตุผลแบบไฟไหม้ฟาง จะถือว่าผู้นั้นผิดเหตุใช้การให้เหตุผลแบบวิบัติ (fallacious reasoning) และในขณะที่พวกเขาอ้างว่า p อนุมานแทน z ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใด จะไม่สามารถนำมาอ้างความชอบธรรมได้ โดยปกติ การอ้างเหตุผลแบบไฟไหม้ฟางมักถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของเหตุผลวิบัติ แม้จะมีการรับรู้อยู่ว่าพอมีการอ้างเหตุผลที่ไม่ได้อยู่ในรูปแบบของเหตุผลวิบัติบ้างก็ตาม
[8]:273–311