ตัวอย่างของแซมเพลอร์แบบดิจิตอล ของ แซมเพลอร์

Melodian

บริษัท Computer Music Inc. ก่อตั้งขึ้นในรัฐนิวเจอร์ซี สหรัฐอเมริกา เมื่อ ค.ศ. 1972 โดย Harry Mendell และ Dan Coren บริษัทนี้ก่อตั้งขึ้นเพื่อพัฒนาและทำการตลาดเครื่องดนตรีที่อาศัยซอฟต์แวร์คอมพิวเตอร์

เมโลเดียน (Melodian) นั้นอาศัยคอมพิวเตอร์ PDP-8 ของ Digital Equipment Corporation และ hand wired D/A and A/D conversion and tracking anti-aliasing filters เครื่อง Melodian นี้ตอนแรกใช้โดย Stevie Wonder ในอัลบัม "Secret Life of Plants" (1979) เครื่อง Melodian นี่เป็นซินธ์แบบโมโน 12 bit A/D มีอัตราการสุ่ม 22 kHz มีการออกแบบให้ใช้งานได้กับซินธีไซเซอร์แบบแอนะลอก และมีคุณสมบัติที่จะซิงค์ได้กับพิตช์ของซินธ์แบบอนาลอก เช่น Arp 2600 นั่นก็หมายความ่า Melodian จะจับเอฟเฟ็กต์การมอดูเลตความถี่ทั้งหมด รวมทั้งการควบคุมทัชริบบอน (touch ribbon) นอกจากนี้แล้ว ยังกระตุ้นคีย์บอร์ดของ ARP ทำให้เกือบจะถือเป็น ซินแบบแอนะลอก/แซมเพลอร์ลูกผสม ซึ่งสามารถใช้เทคโนโลยีที่มีอยู่ได้อย่างดีที่สุดในเวลานั้น

Fairlight Instruments

Fairlight Instruments นั้น เริ่มต้นขึ้นในเมืองซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย เมื่อปี 1975 โดย Peter Vogel และ Kim Ryrie บริษัทนี้เดิมก่อตั้งเพื่อเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายอุปกรณ์สเปเชียลเอฟเฟ็กต์งานวิดีโอ

Fairlight CMI หรือ Computer Music Instrument ที่เปิดตัวเมื่อปี 1979 ก็เริ่มต้นชีวิตเป็น QASAR M8 ถือเป็นตำนาน ที่ใช้เวลา 2 ชั่วโมงถึงจะบู๊ตขึ้น เจ้า CMI เป็นเครื่องแซมปลิงดิจิตอลที่มีขายเชิงพาณิชย์ครั้งแรก Fairlight CMI เดิมนั้นแซมปลิงด้วยความละเอียด 8-bit ที่อัตรา 10 kHz และใช้โปรเซสเซอร์ 8-bit Motorola 6800 สองตัว ต่อมาอัปเกรดเป็นชิป 16/32-bit Motorola 68000 ซึ่งมีกำลังมากกว่า นอกจากนี้ยังมีคีย์บอร์ด 6 ออกเตฟ 2 ตัว คียบอร์ดตัวอักษร และ VDU แบบโต้ตอบ ซึ่งสามารถแก้ไขคลื่นเสียง หรือดึงจากสแครตช์ โดยใช้ปากกาแสง มีซอฟต์แวร์สำหรับการแก้ไข ทำลูปและผสมเสียง ซึ่งจะเล่นผ่านคีย์บอร์ด หรือซีเควนเซอร์ซึ่งใช้ซอฟต์แวร์

ในปี 1982 Fairlight ก็ได้ปล่อย Series II ออกมา ซึ่งมีอัตราแซมปลิงเป็นสองเท่า คือ 16 kHz สำหรับ Series IIx นั้นเปิดตัวเมื่อปี 1983 และนับเป็นรุ่นแรกที่มีการใช้งาน MIDI พื้นฐาน ครั้นปี 1985 ก็มี Series III ซึ่งมีความละเอียดการแซมปลิงถึง 16-bit ผู้ใช้ที่มีชื่อเสียงได้แก่ Peter Gabriel, Trevor Horn, Art of Noise, Yello, Pet Shop Boys, Jean Michel Jarre และ Kate Bush

ระบบ E-Mu

E-mu Emulator (1981) Emulator นี้มีรุ่นโพลีโฟนิก 2-, 4-, และ 8 โน้ต รุ่น 2 โน้ตเลิกไปเพราะความนิยมน้อย โดยมีอัตราการสุ่มสูงสุด 27.7 kHz และมีคีย์บอร์ด 4 ออกเตฟ หน่วยความจำ 128 kB

E-mu Emulator II (1985) ออกแบบมาเพื่อเติมช่องว่างระหว่าง Fairlight CMI และ Synclavier และ Ensoniq Mirage โดยมีการสุ่ม 8 บิต หน่วยความจำแซมเปิ้ลถึง 1 MB มีซีเควนเซอร์ 8 แทร็ก และฟิลเตอร์อนาลอก เมื่อมีการเพิ่มฮาร์ดดิสก์ ทำให้ Emulator II สามารถเทียบเท่ากับแซมเพลอร์ที่ปล่อยอีก 5 ปีต่อมาได้

E-mu Emulator III (1987) เป็นแซมเพลอร์แบบดิจิตอลสเตอริโอ 16 บิต โดยมีเสียงโพลีโฟนี 16 โน้ต อัตราสุ่มสูงสุด 44.1 kHz และหน่วยความจำสูง 8 MB มีซีเควนเซอร์ 16 แชนแนล SMPTE และฮาร์ดดิสก์ 40 MB

มาถึง E-mu SP-1200 ยังคงเป็นแซมเพลอร์นิยมสูงสุดรุ่นหนึ่งสำหรับการใช้งานเกี่ยวกับดนตรีแนวฮิปฮอป เครื่องแซมเพลอร์ 12 บิตจะให้ความอบอุ่นตามที่ต้องการแก่เครื่องดนตรี และเสียงอัดกระแทกสำหรับกลอง

E-mu Emax มีจำหน่ายในช่วง ค.ศ. 1985 ถึง 1995 โดยมีเป้าหมายที่ตลาดล่าง หรือกลุ่มผู้ซื้อที่มีกำลังไม่สูงนัก

Akai

Akai ได้เข้ามาในโลกเครื่องดนตรีอิเล็กทรอนิกส์เมื่อปี 1984 เมื่อ Roger Linn ผู้สร้าง Linn LM-1, Linn 9000, และ Linn Drum ได้เข้าเป็นหุ้นส่วนกับ Akai Corporation เพื่อสร้างเครื่องแซมเพลอร์ที่คล้ายกับตัวที่สร้างโดยบริษัทของ Linn นั่นคือ Linn Electronics และในที่สุดก็ได้รุ่นแรกของซีรีส์ คือ S612 เป็นโมดูลของแซมเพลอร์ดิจิตอล 12 บิต และต่อมาก็มีรุ่น S900 ตามมาในปี 1986

S900 ของ Akai นั้นเป็นแซมเพลอร์แบบดิจิตอลแท้รุ่นแรกที่ให้ประสิทธิภาพน่าพอใจ มีเสียงโพลีโฟนี 8 โน้ต และการแซมปลิ้ง 12 บิต ช่วงความถี่สูงถึง 40 kHz และหน่วยความจำ 750 kB ทำให้สามารถให้อัตราแซมปลิงดีที่สุดในเวลา 2 วินาที โดยสามารถเก็บแซมเปิลได้สูงสุด 32 แซมเปิลในหน่วยความจำ ระบบปฏิบัติการเป็นซอฟต์แวร์ที่อัปเกรดได้ โดยจะต้องบูตแต่ละครั้งที่เปิดสวิตช์แซมเพลอร์

Akai MPC60 เป็น ดิจิตอลแซมเพลอร์/กลอง และมีดีซีเควนเซอร์ (1987) เป็นรุ่นติดตั้งไม่มีแร็กรุ่นแรก และเป็นครั้งแรกแซมเพลอร์ที่แป้นทริกเกอร์ไวสัมผัส ซึ่งผลิตโดย AKAIS950 (1988) เป็นรุ่นปรับปรุงจาก S900 มีความถี่แซมเปิลสูงสุด 48 kHz และความสามารถตัดต่อบางอย่างเหมือน S1000 ที่ออกมาพร้อมกัน

S1000 (1988) น่าจะเป็นแซมเพลอร์สเตอริโอ 16-bit 44.1 kHz ที่นิยมที่สุดในเวลานั้น มี 16 เสียงร้อง หน่วยความจำ 32 MB และประมวลผลภายใน 24 บิต มีฟิลเตอร์ดิจิตอล (18dB/ออกตเฟ) LFO และ ADSR สองตัว (สำหรับแอมปลิจูด และฟิลเตอร์) นอกจากนี้ S1000 ยังมีจุดลูป 8 จุดต่างๆ กัน ฟังก์ชันเพิ่มเติม ได้แก่ Autolooping, Crossfade Looping, Loop in Release, Loop Until Release, Reverse และ Time Stretch (รุ่น 1.3 และที่สูงกว่า)

เครื่องแซมเพลอร์รุ่นอื่นๆ ของ AKAI ได้แก่ S01, S700, S2000, S3000, S3000XL, S5000, S6000, MPC500, MPC1000, MPC2000, MPC2000XL, MPC2500, MPC3000, MPC3000XL, MPC3000LE, MPC4000, MPC60, Z4 และ Z8

Roland

Roland Corporation ผลิตแซมเพลอร์ซีรีส์ S โดยถือเป็นแซเปลอร์ที่จะให้คุณสมบัติทุกอย่างที่บรรยายมา ได้แก่ การแซมปลิง ติดต่อแซมเปิล ย้ายพิตช์ และทำ keyzone mapping รุ่นต่างๆ มีดังนี้ Roland S-10, Roland S-50, Roland S-330, Roland S-550, Roland S-760 และ Roland S-770

เมื่อเร็วๆ นี้ Roland ได้เปิดตัวแนวคิด Groove Sampler ขึ้น อุปกรณ์นี้มีชื่อเสียงในฐานะที่ใช้งานง่าย แต่ขาดการทรานสโพสต์ หรือเลื่อนพิตช์ และความสามารถทำ keyzone mapping ซึ่งแซมเพลอร์ส่วนใหญ่มี ทำให้มันไม่สามารถให้ลูป หรือเอฟเฟ็กต์เสียงที่เล่นกับพิตชิ์เดิมที่บันทึกมา แม้ว่าเครื่องเหล่านี้จะมีเอฟเฟ็กต์ในช่วงเป็นช่วงกว้าง แต่การขาดทรานสโพสต์พิตช์เสียง และ keyzone mapping ทำให้ขาดความโดดเด่นไปอย่างน่าเสียดาย เครื่องที่อยู่ในกลุ่ม Groove Sampler ได้แก่ SP-808, SP-606, SP-505, SP-404 , SP-303 และ SP-202

ผู้ผลิตรายอื่นๆ

  • Casio (เลิกผลิต) Ensoniq Fairlight Korg Kurzweil Native Instruments Sequential Circuits (เลิกผลิต) Steinberg Tascam Waveframe Yamaha Alesis