ประวัติย่อของแซมเพลอร์ ของ แซมเพลอร์

กำเนิดของแซมเพลอร์ดิจิตอล ทำให้การทำแซมปลิงทำได้ดีขึ้นย และเครื่องแซมเพลอร์ยังเพิ่มการประวลผลดิจิตอลมากขึ้นกับเสียงที่บันทึกไว้ โดยเริ่มที่จะรวมเข้ากับซินธีไซเซอร์ดิจิตอลสมัยใหม่ที่หลากหลาย ซินธีไซเซอร์แบบแซมปลิงตัวแรก คือ Computer Music Melodian ซึ่งมีขายครั้งแรกในปี ค.ศ. 1976 เครื่องซินธีไซเซอร์ที่ทำแซมปลิงแบบดิจิตอล ชนิดโพลีโฟนิกตัวแรก คือ Fairlight CMI ของออสเตรเลีย ซึ่งมีขายครั้งแรกในปี 1979

ก่อนจะมีแซมเพลอร์แบบใช้หน่วยความจำคอมพิวเตอร์ นักดนตรีจะใช้คีย์บอร์ดแบบเล่นจากเทป (tape replay keyboards) ซึ่งจะบันทึกเสียงโน้ตเครื่องดนตรี และซาวด์เอฟเฟ็กต์ไว้ในเทปแบบแอนะลอก เมื่อกดคีย์บอร์ด หัวเทปจะสัมผัสเส้นเทป และเล่นเสียง ทั้งนี้ Mellotron ถูกนำไปใช้ในกลุ่มนักดนตรีหลายกลุ่ม เมื่อปลายทศวรรษ 1960 และทศวรรษ 1970 ระบบดังกล่าวทั้งแรง และหนักมาก อันเนื่องจากกลไกเทปที่อยู่หลายใน ปัจจุบันดังกล่าวนี้เองมีผลไปจำกัดช่วงของเครื่องดนตรีทำให้เล่นได้เต็มที่เพียง 3 ออกเตฟ หากผู้ใช้อยากเปลี่ยนเสียง ก็มักจะต้องเปลี่ยนเทปจำนวนมาก จึงไม่เหมาะกับการใช้งานการแสดงดนตรีสดทั่วไป

เครื่องแซมเพลอร์แบบดิจิตอลสมัยใหม่จะใช้เทคโนโลยีดิจิตอลเกือบทั้งหมด เพื่อประมวลผลแซมเปิลให้เป็นเสียงที่น่าสนใจ แซมเพลอร์เสียงเพอร์คัสชัน SP1200 ของ E-mu ทำสไตล์ฮิปฮอปจากเสียงกลองที่ผ่านเข้ามา ซึ่งเปิดตัวเมื่อเดือนสิงหาคม 1987 โดยการใช้เสียงที่อิงกับแซมเปิลจากเมื่อปลายทศวรรษ 1980 และต้นทศวรรษ 1990. ต่อมา Akai ได้บุกเบิกเทคนิคการประมวลผลอย่างหลากหลาย เช่น ฟังก์ชัน Crossfade Looping เพื่อลดกลิตช์ และฟังก์ชัน Time Stretch ซึ่งช่วยลดความยาวของแซมเปิล โดยไม่มีผลต่อพิตช์ และในทางกลับกัน ปัจจัยที่จำกัดในสมัยแรกๆ ก็คือ ต้นทุนของหน่วความจำเชิงกายภาพ (RAM) และข้อจำกัดเรื่องอุปกรณ์เก็บข้อมูลภายนอก

ในช่วงทศวรรษ 1990 เครื่องซินธีไซเซอร์แบบลูกผสมเริ่มจะเกิดขึ้น ซึ่งใช้แซมเปิลที่สั้นมากของเสียงธรรมชาติ และเสียงดนตรี พร้อมกับซินธีไซเวอร์แบบดิจิตอล ที่สร้างเสียงเครื่องดนตรีได้สมจริงมากขึ้น ตัวอย่างได้แก่ Korg M1, Korg O1/W และในภายหลังก็มี Korg Triton และKorg Trinity รวมถึง Yamaha SY series และ Kawai K series ทำให้ใฃ้หน่วยความจำที่น้อยนิดเท่าที่มีอยู่อย่างดีที่สุดสำหรับวิศวกรผู้ออกแบบ

เครื่องเวิร์กสเตชันดนตรีในปัจจุบัน มักจะมีส่วนต่างๆ ของการแซมปลิง จากการเล่นแซมเปิล จนถึงการตัดต่อที่ซับซ้อน ที่สอดคล้องกับแซมเพลอร์ส่วนใหญ่ เว้นแต่รุ่นที่ละเอียดซับซ้อนจริงๆ ความแตกต่างพื้นฐานก็คือ เวิร์กสเตชันจะมีคุณสมบัติเพิ่ม เช่น ซีเควนเซอร์ เพื่อให้สามารถใช้งานสะดวกสำหรับนักแต่งเพลง

แซมเพลอร์ และศิลปิน Foley นับเป็นกระแสหลักของการผลิตซาวด์เอฟเฟ็กต์สมัยใหม่ การใช้เทคนิคดิจิตอล ทำให้สมารถย้ายพิตช์ และเปลียนอย่างที่ต้องการได้ ซึ่งหากใช้เทปเสียงแบบเดิมจะใช้เวลาหลายชั่วโมง