พระราชวงศ์ตกอับ ของ แทว็อนกุนฮึงซ็อน

องค์ชายแดวอนกุน พระบิดาในพระเจ้าโกจง(จักรพรรดิโกจง)

แทว็อนกุนฮึงซ็อนเดิมพระนามว่า ลี ฮาอึง (เกาหลี: 이하응 李昰應) ประสูติเมื่อค.ศ. 1820 เป็นพระโอรสองค์ที่ 4 ขององค์ชายนัมยอน (เกาหลี: 남연군 南延君) กับพระชายาจากตระกูลมินแห่งยอฮึง บิดาขององค์ชายลีฮาอึงคือองค์ชายนัมยอนนั้น เดิมชื่อว่า ลีกู เป็นผู้สืบเชื้อสายมาจากพระเจ้าอินโจมาแล้วหลายรุ่น ด้วยความห่างไกลทางสายพระโลหิตทำให้ตระกูลของลีกูมีสถานะเป็นเพียงขุนนาง ยังบัน ธรรมดา แต่ทว่าในค.ศ. 1815 ลีกูได้เข้าเป็นบุตรบุญธรรมขององค์ชายอึนชิน (เกาหลี: 은신군 恩信君) พระโอรสขององค์ชายรัชทายาทซาโด) เนื่องจากองค์ชายอึนชินต้องพระอาญาถูกเนรเทศไปยังเกาะเชจูและสิ้นพระชนม์ที่นั่นทำให้ขาดทายาท ลีกูได้รับสถานะเป็นองค์ชายและได้รับพระนามว่า องค์ชายนัมยอน ค.ศ. 1843 องค์ชายลีฮาอึงได้รับพระนามว่า องค์ชายฮึงซ็อน (เกาหลี: 흥선군 興宣君)

ราชสำนักโชซอนในสมัยนั้นอยู่ภายใต้การปกครองของราชนิกูล หรือการปกครองแบบเซโด (เกาหลี: 세도정치 勢道政治) ซึ่งเป็นการปกครองโดยพระญาติของพระมเหสีหรือพระพันปี ได้แก่ ตระกูลคิมแห่งอันดง ตระกูลโจแห่งพุงยาง และตระกูลฮงแห่งนัมยาง ซึ่งตระกูลเหล่านี้คอยแก่งแย่งผลัดกันขึ้นมามีอำนาจและมักหาทางกำจัดองค์ชายที่มีความสามารถไปให้พ้นทาง องค์ชายฮึงซ็อนตระหนักถึงความจริงข้อนี้ดีจึงทรงแสร้งทำองค์เหมือนคนวิปริตไร้ความสามารถ ขาดสติปัญญา เพื่อที่จะไม่เป็นที่สนใจของตระกูลคิมแห่งอันดงซึ่งมีอำนาจอยู่ในขณะนั้น[1] จนกระทั่งค.ศ. 1863 พระเจ้าชอลจงสวรรคตโดยที่ไม่มีทายาท ทำให้ราชบัลลังก์ขาดผู้สืบทอด องค์ชายฮึงซ็อนได้ทรงเข้าหาพระอัยยิกาตระกูลโจแห่งพุงยาง ผู้ทรงอาวุโสที่สุดในราชสำนักขณะนั้น โดยเสนอให้ยกบุตรชายของตนคือ ลี มยองบก (เกาหลี: 이명복 李命福) ขึ้นเป็นกษัตริย์องค์ต่อไป เนื่องจากองค์ชายลีมยองบกมีพระชนมายุเพียงแค่สิบเอ็ดพระชันษาพระอัยยิกาโจจึงสามารถกุมอำนาจในฐานะผู้สำเร็จราชการแทนได้[2] ซึ่งพระอัยยิกาตระกูลโจก็ทรงเห็นชอบจึงยกให้องค์ชายลีมยองบกเป็นกษัตริย์เกาหลีองค์ต่อมา คือ พระเจ้าโกจงแห่งโชซอน

เมื่อพระโอรสคือพระเจ้าโคจงได้ขึ้นครองราชย์แล้ว องค์ชายฮึงซ็อนในฐานะเป็นพระบิดาของพระเจ้าโคจงได้รับตำแหน่งเป็น แทว็อนกุน หรือ แทวอนกุน (เกาหลี: 대원군 大院君) อันเป็นตำแหน่งสำหรับพระบิดาของกษัตริย์โชซอนซึ่งมักจะล่วงลับไปแล้ว แทว็อนกุนฮึงซ็อน หรือ ฮึงซ็อนแทวอนกุนนั้น จึงเป็นแทว็อนกุนเพียงพระองค์เดียวที่ได้รับตำแหน่งในขณะที่มีพระชนม์ชีพอยู่