ฝรั่งเศส จักรวรรดิบริติช สหรัฐ(หลังปี 1917)
เบลเยียม อิตาลี(หลังปี 1915)
[8] โปรตุเกส(หลังปี 1916)
[9] รัสเซีย(หลังปี 1917)
[10] สยาม[11] จักรวรรดิเยอรมัน จักรวรรดิออสเตรีย-ฮังการีบทความนี้ใช้ระบบคริสต์ศักราช เพราะอ้างอิงคริสต์ศักราชและคริสต์ศตวรรษ หรืออย่างใดอย่างหนึ่ง
แนวรบด้านตะวันตก (
อังกฤษ: Western Front) คือเขตสงครามหลักในช่วง
สงครามโลกครั้งที่หนึ่ง หลังสงครามอุบัติในเดือนสิงหาคม ค.ศ. 1914
กองทัพเยอรมันเปิดแนวรบด้านตะวันตกด้วยการบุกครอง
เบลเยียมและ
ลักเซมเบิร์ก จากนั้นยังสามารถยึดครองแคว้นอุตสาหกรรมที่สำคัญของ
ฝรั่งเศส ฝ่ายตั้งรับพลิกสถานการณ์ได้อย่างมากหลังยุทธการที่แม่น้ำมาร์น หลังการแข่งขันสู่ทะเล ทั้งสองฝ่ายต่างยึดที่มั่นตามแนวสนามเพลาะคดเคี้ยวและมีการเสริมความมั่นคงอย่างแน่นหนา ลากตั้งแต่
ทะเลเหนือต่อเนื่องไปจนแนวชายแดนฝรั่งเศสด้านที่ติดกับ
สวิตเซอร์แลนด์ โดยมีการเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อยยกเว้นต้นปี 1917 และในปี 1918ระหว่างปี 1915 ถึง 1917 เกิดการบุกใหญ่หลายครั้งในแนวรบด้านนี้ มีการระดมยิงปืนใหญ่และการบุกโดยใช้ทหารราบปริมาณมาก อย่างไรก็ตามด้วยการปักหลักในที่มั่น การวางปืนกล รั้วลวดหนาม และปืนใหญ่ล้วนก่อให้เกิดกำลังพลสูญเสียใหญ่หลวงระหว่างการเข้าตีและการตีโต้ตอบซ้ำแล้วซ้ำเล่า ผลจึงไม่มีการบุกอย่างสำคัญ การบุกครั้งที่มีกำลังพลสูญเสียมากที่สุด ได้แก่
ยุทธการที่แวร์เดิง (ปี 1916) มีกำลังพลสูญเสียรวม 700,000 นาย (ประมาณการ),
ยุทธการที่แม่น้ำซอม (ค.ศ. 1916) มีกำลังพลสูญเสียกว่า 1,000,000 นาย (ประมาณการ) และ ยุทธการที่ปอสเชินดาเลอ หรือยุทธการที่อีปส์ครั้งที่สาม (ปี 1917) มีกำลังพลสูญเสีย 487,000 นาย (ประมาณการ)เพื่อยุติภาวะอับจนของการสงครามสนามเพลาะในแนวรบด้านตะวันตก ต่างฝ่ายต่างทดลองเทคโนโลยีทางทหารใหม่ ๆ รวมทั้ง
แก๊สพิษ อากาศยาน และ
รถถัง การใช้ยุทธวิธีที่ดีขึ้นและการอ่อนกำลังของกองทัพทั้งสองฝ่ายในแนวรบด้านตะวันตกทำให้สถานการณ์กลับมาเคลื่อนไหวอีกครั้งในปี 1918
การรุกฤดูใบไม้ผลิของเยอรมันในปี 1918 เกิดขึ้นได้จาก
สนธิสัญญาเบรสท์-ลีตอฟสก์ที่ยุติการสู้รบใน
แนวรบด้านตะวันออกระหว่างฝ่ายมหาอำนาจกลางกับรัสเซียและโรมาเนีย กองทัพเยอรมันใช้การระดมยิงปืนใหญ่ "เฮอร์ริเคน" สั้น ๆ แต่เข้มข้น และยุทธวิธีแทรกซึม ทำให้สามารถเคลื่อนที่ไปได้เกือบ 100 กิโลเมตรทางทิศตะวันตก นับเป็นการบุกได้มากที่สุดนับแต่ปี 1914 แต่ผลไม่เด็ดขาดการบุกของฝ่ายสัมพันธมิตรที่หยุดไม่ได้ใน
การรุกร้อยวันปี 1918 ทำให้กองทัพเยอรมันล่มสลายอย่างฉับพลันและโน้มน้าวให้ผู้บังคับบัญชาฝ่ายเยอรมันเชื่อว่าหลีกเลี่ยงความปราชัยไม่พ้น รัฐบาลเยอรมันยอมจำนนใน
การสงบศึกวันที่ 11 พฤศจิกายน 1918 โดยมีการชำระสะสางเงื่อนไขสันติภาพใน
สนธิสัญญาแวร์ซายในปี 1919