การพัฒนา ของ แมคดอนเนลล์_ดักลาส_เอฟ-15_อีเกิล

ต้นกำเนิด

ในปีพ.ศ. 2510 หน่วยข่าวกรองสหรัฐต้องประหลาดใจ[2] เมื่อรู้ว่าสหภาพโซเวียตกำลังสร้างเครื่องบินขับไล่ขนาดใหญ่ที่มีชื่อว่ามิโคยัน-กูเรวิชค์ มิก-25[3] ในตอนนั้นทางฝั่งตะวันตกไม่รู้ว่ามิก-25 ถูกออกแบบมาเพื่อเป็นเครื่องบินสกัดกั้นความเร็วสูง (ไม่ใช่เครื่องบินครองความได้เปรียบทางอากาศ)[4] ดังนั้นจุดเด่นของมันคือความเร็วไม่ใช่ความคล่องตัว หางที่ใหญ่ของมิก-25 นั้นทำให้เครื่องบินบางลำของสหรัฐเสียเปรียบ มันทำให้กองทัพอากาศกลัวว่ามันจะทำงานได้ดีกว่าเครื่องบินของอเมริกา ในความเป็นจริงครีบและหางที่ใหญ่ของมิก-25 มีไว้เพื่อจัดการกับความเฉื่อยในการบินด้วยความเร็วสูงและระดับสูง

เอฟ-4 แฟนทอม 2 ของกองทัพอากาศและกองทัพเรือสหรัฐเป็นเครื่องบินขับไล่แบบเดียวที่มีกำลังและความคล่องตัวพอที่จะจัดการกับภัยคุกคามจากเครื่องบินขับไล่ของโซเวียต[3] ตามนโยบายแฟนทอมนั้นไม่สามารถปะทะกับเป้าหมายเกินระยะสายตาได้ ดังนั้นพวกมันจึงไม่สามารถจัดการกับเป้าหมายในระยะไกลได้ตามที่ถูกออกแบบมา ขีปนาวุธพิสัยกลางเอไอเอ็ม-7 สแปร์โวร์และแม้กระทั่งเอไอเอ็ม-9 ไซด์ไวน์เดอร์ก็ไม่มีประสิทธิภาพในระยะใกล้ซึ่งพบว่าปืนมักเป็นอาวุธที่ดีกว่าในระยะดังกล่าว[5] เดิมทีแฟนทอมไม่มีปืนแต่ประสบการณ์จากสงครามเวียดนามทำให้ต้องเพิ่มปืน เข้าไป ปืนถูกติดเข้าไปที่ด้านนอกและต่อมาเอ็ม61 วัลแคนก็ถูกใช้กับเอฟ-4อี

โครงการเอฟ-เอ็กซ์

มีความต้องการเครื่องบินขับไล่แบบใหม่ซึ่งจะขจัดข้อจำกัดในการต่อสู้ระยะใกล้ของแฟนทอมในขณะที่ยังคงมีความสามารถในระยะไกล หลังจากปฏิเสธโครงการวีเอฟเอ็กซ์ของกองทัพเรือสหรัฐ (ซึ่งนำไปสู่เอฟ-14 ทอมแคท) กองทัพอากาศสหรัฐประกาศความต้องการของตนสำหรับเครื่องบินขับไล่ทดลองหรือเอฟเอ็กซ์ (Fighter Experimental, F-X) เป็นความต้องการเครื่องบินขับไล่ครองความได้เปรีบทางอากาศน้ำหนักเบา[6] เครื่องบินขับไล่ที่ว่านั้นต้องมีที่นั่งเดียวโดยมีน้ำหนักสูงสุดตอนวิ่งขึ้น 18,100 กิโลกรัม สำหรับบทบาทอากาศสู่อากาศมีความเร็วสูงสุดที่ 2.5 มัค[7] บริษัททั้งสี่ทำการยื่นข้อเสนอโดยไม่เลือกเจเนรัล ไดนามิกส์และทำสัญญากับแฟร์ไชลด์ รีพับลิก นอร์ท อเมริกัน เอวิเอชั่น และแมคดอนเนลล์ ดักลาส บริษัททั้งหมดยื่นข้อเสนอทางเทคนิคในเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2512 กองทัพอากาศได้ประกาศการเลือกแมคดอนเนลล์ ดักลาสในวันที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2512[8] แบบที่เลือกนั้นคือเอฟ-14 ที่มีหางแฝดแต่ปีกที่พับไม่ได้ มันไม่ได้เบาหรือเล็กไปกว่าเอฟ-4 ที่มันจะเข้ามาแทนที่เสียทีเดียว

ห้องนักบินของเอฟ-15เอ

รุ่นแรกของอีเกิลใช่ชื่อว่าเอฟ-15เอสำหรับแบบหนึ่งที่นั่งและเอฟ-15บีสำหรับแบบสองที่นั่ง แบบเหล่านี้ใช้เครื่องยนต์แพรทท์ แอนด์ วิทนีย์เอฟ100 เพื่อให้ได้อัตราแรงขับต่อน้ำหนักที่ดี ด้วยปืนใหญ่อากาศจีเอยู-7 ขนาด 25 ม.ม.พร้อมกระสุนไร้ปลอกถูกเปลี่ยนไปเป็นเอ็ม61 วัลแคนเนื่องจากปัญหาในการพัฒนา เอฟ-15 มีที่ตั่งสแปร์โรว์ที่ตำบลเช่นเดียวกับแฟนทอม ปีกของมันถูกทำให้แบนราบ ลำตัวที่กว้างยังให้พื้นผิวการยกที่ดี มีคำถามเกี่ยวกับการที่มันไม่สามารถต่อกรกับมิก-25 ที่บินสูงได้ แต่ความสามารถของมันก็ถูกเปิดเผยในการรบ

เอฟ-15เอทำการบินครั้งแรกในเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2515 พร้อมกับการบินของเอฟ-15บีเดือนเดียวกันในปีพ.ศ. 2516[9]

เอฟ-15 มีเรดาร์จับเป้าแล้วยิงที่สามารถจับเป้าหมายที่บินในระดับต่ำ เอฟ-15 จะใช้คอมพิวเตอร์พร้อมการควบคุมและการแสดงผลแบบใหม่เพื่อลดการทำงานของนักบินและใช้นักบินเพียงหนึ่งนายเท่านั้น ไม่เหมือนกับเอฟ-14 หรือเอฟ-4 เอฟ-15 นั้นมีกรอบห้องนักบินเพียงอันเดียวทำให้มีมุมมองที่ชัดเจน กองทัพอากาศสหรัฐนำเสนอมันเป็นเครื่องบินขับไล่ครองความได้เปรียบทางอากาศที่ดีหลังจากเอฟ-86 เซเบอร์[10]

เอฟ-15 เป็นที่ชื่นชอบของลูกค้าอย่างกองทัพอากาศอิสราเอลและกองกำลังป้องกันตนเองทางอากาศของญี่ปุ่น และการพัฒนาของเอฟ-15อี สไตรค์อีเกิลได้ก่อให้เกิดเครื่องบินขับไล่โจมตีซึ่งได้เข้ามาแทนที่เอฟ-111 อย่างไรก็ตามมีการวิจารณ์ว่าเอฟ-15 มีขนาดใหญ่เกินไปที่จะเหมาะกับการต่อสู้ที่ชุลมุน และแพงเกินไปที่จะจัดซื้อในจำนวนมากเพื่อแทนที่เอฟ-4 และเอ-7 จึงนำไปสู่โครงการแอลดับบลิวเอฟหรือเครื่องบินขับไล่น้ำหนักเบา ซึ่งก่อให้เกิดเอฟ-16 ไฟท์ติ้งฟอลคอนและเอฟ/เอ-18 ฮอร์เน็ทของกองทัพเรือ

การพัฒนาเพิ่มเติม

เอฟ-15ซีของกองทัพอากาศสหรัฐ

เอฟ-15ซีหนึ่งที่นั่งและเอฟ-15ดีสองที่นั่งได้เข้าสู่การผลิตในปีพ.ศ. 2521 ด้วยการบินครั้งแรกในเดือนกุมภาพันธ์และมิถุนายนในปีเดียวกัน[11] รุ่นใหม่นี้มีการพัฒนาชุดพีอีพี 2000 (Production Eagle Package, PEP 2000) รวมทั้งเชื้อเพลิงภายในเพิ่มอีก 900 กิโลกรัม การจัดหาถังเชื้อเพลิงภายนอกและน้ำหนักวิ่งขึ้นสูงสุดที่ 30,700 กิโลกรัม[12]

โครงการการพัฒนาหลายระยะหรือเอ็มเอสไอพี (Improvement Program,MSIP) ของเอฟ-15 เริ่มขึ้นในเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2526 พร้อมการผลิตครั้งแรกเป็นเอฟ-15ซีในปีพ.ศ. 2528 การพัฒนารวมทั้งคอมพิวเตอร์ การควบคุมอาวุธที่ตั้งโปรแกรมได้สำหรับเอไอเอ็ม-7 เอไอเอ็ม-9 และเอไอเอ็ม-120 และระบบสงครามอิเลคทรอนิกทางยุทธวิธีซึ่งพัฒนาเป็นเรดาร์เตือนภัยรุ่นเอแอลอาร์-56ซีและชุดตอบโต้เอแอลคิว-135 มีการเพิ่มเรดาร์เอพีจี-70 ซึ่งใช้ไปจนถึงเอฟ-15อี เอฟ-15ซีของเอ็มเอสไอพีก่อนหน้านี้ที่ใช้เรดาร์เอพีจี-63 ต่อมาถูกเปลี่ยนเป็นเอพีจี(วี)1 ซึ่งไว้ใจได้และดูแลรักษาได้ง่ายกว่าในขณะที่ยังทำงานได้ใกล้เคียงกับเอพีจี-70 การพัฒนา[13]

การพัฒนาล่าสุดคือการปรับแต่งเอฟ-15ซีจำนวน 178 ลำให้ใช้เรดาร์เออีเอสเอรุ่นเอเอ็น/เอพีจี-63(วี)3 พร้อมส่งมอบต้นปีพ.ศ. 2552[14] นอกจากนี้กองทัพอากาศยังได้วางแผนที่จะพัฒนาเอฟ-15 ลำอื่นๆ ด้วยระบบหมวกพิเศษ[15]

ใกล้เคียง

แมคดอนเนลล์ ดักลาส เอฟ-15 อีเกิล แมคดอนเนลล์ ดักลาส ดีซี-10 แมคดอนเนลล์ ดักลาส เอฟ-4 แฟนทอม 2 แมคดอนเนลล์ ดักลาส เอ็มดี-11 แมคดอนเนลล์ดักลาส เอ็มดี-80 แมคดอนเนลล์ดักลาส แมคดอนเนลล์ ดักลาส ดีซี-9 แมคดอนเนลล์ ดักลาส วายซี-15 แมคดอนเนลล์ดักลาส เอ็มดี-95 แมคดอนเนลล์ ดักลาส เอ็มดี-12

แหล่งที่มา

WikiPedia: แมคดอนเนลล์_ดักลาส_เอฟ-15_อีเกิล http://www.1stfighter.com/history/1991.html#prof http://www.airforce-magazine.com/MagazineArchive/M... http://www.airforce-magazine.com/MagazineArchive/P... http://www.airforce-magazine.com/MagazineArchive/P... http://www.airforce-magazine.com/MagazineArchive/P... http://www.aviationnow.com/publication/awst/logged... http://www.boeing.com/news/frontiers/archive/2003/... http://www.boeing.com/news/releases/2007/q4/071009... http://www.cnn.com/2007/US/11/05/f15.grounding/ http://www.cnn.com/2008/US/03/25/pilot.lawsuit/ind...