ประวัติการใช้งาน ของ แมคดอนเนลล์_ดักลาส_เอฟ-15_อีเกิล

เอฟ-15ดีจากฐานทัพอากาศทินดัลล์กำลังปล่อยพลุ

ผู้ที่ใช้งานเอฟ-15 มากที่สุดคือกองทัพอากาศสหรัฐ เอฟ-15 ลำแรก (แบบบี) ถูกส่งมอบครั้งแรกในเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2517[16] ในเดือนมกราคม พ.ศ. 2519 เอฟ-15 ลำแลกถูกมอบให้กับฝูงบินขับไล่ที่ 555[16] เครื่องบินลำแรกๆ ได้ใช้เรดาร์เอพีจี-63 ของฮิวจ์ส แอร์คราฟท์

เอฟ-15 ทำแต้มครั้งแรกในปีพ.ศ. 2522 โดยกองทัพอากาศอิสราเอล[17] ในปีพ.ศ. 2522-2524 ในช่วงความขัดแย้งตามชายแดนของเลบานอนกับอิสราเอล เอฟ-15เอได้ยิงมิก-21 13 ลำและมิก-25 สองลำของซีเรียตก เอฟ-15เอและบีถูใช้โดยอิสราเอลในปฏิบัติการหุบเขาเบก้า ในสงครามเลบานอนเมื่อปีพ.ศ. 2525 เอฟ-15 ของอิสราเอลได้ยิงเครื่องบินขับไล่ 40 ลำของซีเรียตก (มิก-21 23 ลำและมิก-23 17 ลำ) และเฮลิคอปเตอร์เอสเอ.342แอลหนึ่งลำ[18] ต่อมาในปีพ.ศ. 2528 เอฟ-15 ของอิสราเอลในปฏิบัติการวู้ดเลคได้ทิ้งระเบิดใส่ฐานบัญชาการของกลุ่มพีแอลโอในตูนีเซีย [19]

อย่างไรก็ตาม ข้อมูลจากโซเวียตและซีเรีย แสดงให้เห็นว่า เอฟ-15 จำนวน 3 ลำของอิสราเอล ได้ถูกยิงตกโดย มิก-23 MLs ในเดือนตุลาคม พ.ศ. 2526 [20]

นักบินเอฟ-15ซีของกองทัพอากาศซาอุดิอาระเบียได้ยิงเอฟ-4อี แฟนทอม 2 สองลำของอิหร่านตกในเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2527 และได้ยิงดัซโซลท์ มิราจ เอฟ1 สองลำของอิรักตกในสงครามอ่าว[21][22][23]

กองทัพอากาศสหรัฐได้ใช้เอฟ-15ซี ดี และอีในสงครามอ่าวเปอร์เซียเมื่อปีพ.ศ. 2534 เพื่อสนับสนุนปฏิบัติการพายุทะเลทรายที่ซึ่งพวกมันได้รับชัยชนะทางอากาศ 36 ครั้งจากทั้งหมด 39 ครั้ง เอฟ-15อีถูกใช้ในตอนกลางคืนเป็นหลักโดยตามล่าหาขีปนาวุธสกั๊ดและตำแหน่งปืนใหญ่[24] ตามที่กองทัพอากาศกล่าวเอฟ-15ซีได้ทำการสังหารเครื่องบินของอิรักไป 34 ครั้งในสงครามเมื่อปีพ.ศ. 2534 โดยส่วนใหญ่ใช้ขีปนาวุธ มีมิก-29 ห้าลำ มิก-25 สองลำ มิก-23 แปดลำ มิก-21 สองลำ ซู-25 สองลำ ซู-22 สี่ลำ ซู-7 มิราจ เอฟ1 หนึ่งลำ อิล-76 หนึ่งลำ พีซี-9 หนึ่งลำ และเฮลิคอปเตอร์เอ็มไอ-8 สองลำ หลังจากครองความได้เปรียบทางอากาศสำเร็จในสามวันแรก เครื่องบินของอิรักเริ่มหนีไปทางหร่านมากกว่าเผชิญหน้ากับฝ่ายอเมริกา เอฟ-15ซีถูกใช้สำหรับการครองอากาศและเอฟ-15อีถูกใช้เพื่อโจมตีเป้าหมายบนพื้นดินอย่างหนักหน่วง เอฟ-15อีได้ทำการสังหารทางอากาศโดยเป็นเฮลิคอปเตอร์เอ็มไอ-8 ของอิรักโดยใช้ระเบิดนำวิถีด้วยเลเซอร์ เอฟ-15อีสูญเสียไปสองลำในปีพ.ศ. 2534 จากการยิงจากบนพื้น[25] อีกลำได้รับความเสียหายบนพื้นจากการยิงของขีปนาวุธสกั๊ดใส่ฐานบินในดาราน[26]

พวกมันถูกใช้สนับสนุนปฏิบัติการเซาท์เธิร์นวอชท์โดยทำการลาดตระเวนในเขตห้ามบินเหนืออิรัก ในปฏิบัติการโพรไวด์คอมฟอร์ทในตุรกี เพื่อสนับสนุนนาโต้ที่ปฏิบัติการในบอสเนีย ในปีพ.ศ. 2537 ยูเอช-60 แบล็คฮอว์คสองลำของสหรัฐถูกยิงตกโดยเอฟ-15 ซีผู้ที่คิดว่าเฮลิคอปเตอร์ทั้งสองลำเป็นของอิรักที่เข้ามาในเขตห้ามบิน[27] เอฟ-15ซีได้ยิงมิก-29 สี่ลำของยูโกสลาเวียตกโดยใช้เอไอเอ็ม-120 แอมแรมในปฏิบัติการแอลไลด์ฟอร์ซในคอซอวอ[25]

จากคำกล่าวอ้างของนักการทหารชาวอเมริกัน ซึ่งแตกต่างไปจากข้อมูลทางประวัติศาสตร์จากฝ่ายอื่นๆนั้น เอฟ-15 ในทุกกองทัพอากาศได้ทำการรบทางอากาศที่สังหารไป 104 ลำโดยไม่สูญเสียเลยสักลำในสถิติเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2551[28] โดยนักการทหารชาวอเมริกัน มีความเชื่อว่า ในปัจจุบันไม่มีเอฟ-15 (เอ/บี/ซี/ดี) ถูกยิงตกโดยศัตรู และมากกว่าครึ่งของการสังหารทั้งหมดทำโดยนักบินของกองทัพอากาศอิสราเอล

นักทำลายดาวเทียม

การทดสอบยิงเอเอสเอ็ม-135 เอแซท

ตั้งแต่เดือนมกราคม พ.ศ. 2527 ถึงเดือนกันยายน พ.ศ. 2529 เอฟ-15เอสองลำได้ถูกใช้เป็นแท่นยิงขีปนาวุธต่อต้านดาวเทียมเอเอสเอ็ม-135 เอฟ-15เอ (หมายเลข 76-0086 และ 77-0084) ถูกดัดแปลงให้บรรทุกเอเอสเอ็ม-135 หนึ่งลูกที่ส่วนกลางพร้อมกับอุปกรณ์พิเศษ[29] มันทำความเร็วได้ 1.22 มัคเป็นแรง 3.8 จีทำมุม 65 องศาขึ้นไปเพื่อปล่อยขีปนาวุธเอแซทที่ความสูง 38,100 ฟุต[30][31] คอมพิวเตอร์การบินถูกพัฒนาให้ควบคุมการไต่ระดับและปล่อยขปีนาวุธ การบินทดสอบครั้งที่สามเกี่ยวข้องกับดาวเทียมสื่อสารที่ปลดประจำการแล้วซึ่งอยู่ในวงโคจรห่างออกไป 555 กิโลเมตร ซึ่งถูกทำลายโดยพลังงานจลน์[30] นักบินวิลเบิร์ต ดี. เพียร์สันเป็นนักบินเพียงคนเดียวที่ได้ทำลายดาวเทียม[31][32]

ขีปนาวุธเอแซทถูกออกแบบมาเพื่อทำลายดาวเทียมจากระยะไกล ด้วยการทำงานกับเอฟ-15เอเป็นครั้งแรก สหภาพโซเวียตอาจสามารถร่วมกับการปล่อยจรวดของสหรัฐด้วยการสูญเสียดาวเทียมสอดแนม แต่เอฟ-15 ที่มีเอแซทจะสามารถแฝงตัวร่วมกับเที่ยวบินนับร้อยของเอฟ-15ได้ โครงการเอแซททำการทดสอบทั้งสิ้นห้าครั้ง โครงการถูกยุบอย่างเป็นทางการในปีพ.ศ. 2531[29][31]

ข้อบกพร่องทางด้านโครงสร้าง

เอฟ-15 ทั้งหมดถูกงดใช้งานโดยกองทัพอากาศสหรัฐหลังจากที่เอฟ-15ซีสองลำจากกองกำลังรักษาดินแดนรัฐมิสซูรี ได้ทำการบินและตกในวันที่ 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2550 เอฟ-15อีที่ใหม่กว่านั้นได้รับอนุญาตให้ทำภารกิจได้ต่อหลังจากนั้น กองทัพอากาศสหรัฐได้รายงานในวันที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2550 ว่าโครงสร้างส่วนบกของเอฟ-15 นั้นเป็นต้นเหตุของปัญหา ทำให้โครงสร้างลำตัวส่วนหน้าช่องรับลมรวมทั้งห้องนักบินแยกออกจากโครงสร้างหลัก[33]

เอฟ-15เอถึงดีถูกสั่งให้ระงับการบินจนกระทั่งปัญหาจะถูกแก้ไขเรียบร้อย[34] เอฟ-15 ที่ถูกระงับเริ่มได้รับความสนใจจากสื่อเมื่อมันเริ่มสร้างความน่าหวั่นใจในการป้องกันทางอากาศของสหรัฐ[35] กองกำลังที่ถูกระงับในบางรัฐต้องพึ่งพาเครื่องบินของประเทศเพื่อนบ้านเพื่อการป้องกัน และที่อะแลสกานั้นต้องพึ่งการป้องกันจากกองกำลังของแคนาดา[35]

ในวันที่ 8 มกราคม พ.ศ. 2551 กองบัญชาการการรบทางอากาศของสหรัฐได้ประกาศการกลับมาทำงานของเอฟ-15เอถึงดี มันยังได้รับคำแนะนำให้บินอย่างจำกัดในทั่วโลกสำหรับรุ่นที่อาจมีได้รับผลกระทบ[36] การรายงานถึงอุบัติเหตุได้เกิดขึ้นในวันที่ 10 มกราคม พ.ศ. 2551 โดยกล่าวว่าการตรวจสอบซากของเอฟ-15ซีได้เปิดเผยว่าโครงสร้างที่มีปัญหาไม่ได้หลักมาตรฐาน ซึ่งทำไปสู่การแตกร้าวและทำให้โครงสร้างที่เหลือพังในขณะทำการบิน[37] ในการรายงานเมื่อวันที่ 10 มกราคม พ.ศ. 2551 เอฟ-15 เก้าลำถูกระบุว่ามีปัญหาเดียวกัน ดังนั้นนายพลจอห์น ดี. ดับบลิว. คอร์ลีย์จึงกล่าวว่าอนาคตระยะยาวของเอฟ-15 นั้นเริ่มไม่น่าไว้ใจ[38] ในวันที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2551 กองบัญชาการการรบทางอากาศได้เปิดทางให้กับเอฟ-15เอ-ดีทั้งหมดให้ทำการบินได้หลังจากซ่อมแซมแล้ว [39]

อนาคต

ในปีพ.ศ. 2547 กองทัพอากาศสหรัฐได้ส่ง เอฟ-15ซี/ดี เข้าร่วมซ้อมรบกับกองทัพอากาศอินเดีย ในปฏิบัติการ Cope-India 04 ซึ่งทางอินเดียได้ใช้ Sukhoi Su-30MKI เป็นเครื่องครองสภาพอากาศ ผลปรากฏว่าชัยชนะเป็นของฝ่ายอินเดียในการประลอง [40] ซึ่งทำให้เกิดคำถามในหมู่นักการทหารอเมริกันว่า นี่อาจเป็นสิ่งเตือนว่า เอฟ-15 นั้นเริ่มล้าหลังในภารกิจครองอากาศแล้ว

ตามแผนงานในปัจจุบัน เอฟ-15ซี/ดี จะถูกแทนที่โดยเอฟ-22 แร็พเตอร์ ส่วนเอฟ-15อีนั้นยังคงประจำการไปอีกหลายปีเพราะบทบาทโจมตีที่แตกต่างและโครงสร้างที่ยังมีอายุการใช้งานน้อยของมัน[1] กองทัพอากาศสหรัฐจะพัฒนาเอฟ-15ซี 178 ลำให้ใช้เรดาร์เออีเอสอีรุ่นเอเอ็น/เอพีจี-63(วี)3[14] และพัฒนาเอฟ-15 ลำอื่นๆ ให้ใช้หมวกพิเศษ[15] กองทัพอากาศจะเก็บเอฟ-15ซี 178 ลำและเอฟ-15อี 224 ลำเอาไว้จนถึงปีพ.ศ. 2568[1]

ใกล้เคียง

แมคดอนเนลล์ ดักลาส เอฟ-15 อีเกิล แมคดอนเนลล์ ดักลาส ดีซี-10 แมคดอนเนลล์ ดักลาส เอฟ-4 แฟนทอม 2 แมคดอนเนลล์ ดักลาส เอ็มดี-11 แมคดอนเนลล์ดักลาส เอ็มดี-80 แมคดอนเนลล์ดักลาส แมคดอนเนลล์ ดักลาส ดีซี-9 แมคดอนเนลล์ ดักลาส วายซี-15 แมคดอนเนลล์ดักลาส เอ็มดี-95 แมคดอนเนลล์ ดักลาส เอ็มดี-12

แหล่งที่มา

WikiPedia: แมคดอนเนลล์_ดักลาส_เอฟ-15_อีเกิล http://www.1stfighter.com/history/1991.html#prof http://www.airforce-magazine.com/MagazineArchive/M... http://www.airforce-magazine.com/MagazineArchive/P... http://www.airforce-magazine.com/MagazineArchive/P... http://www.airforce-magazine.com/MagazineArchive/P... http://www.aviationnow.com/publication/awst/logged... http://www.boeing.com/news/frontiers/archive/2003/... http://www.boeing.com/news/releases/2007/q4/071009... http://www.cnn.com/2007/US/11/05/f15.grounding/ http://www.cnn.com/2008/US/03/25/pilot.lawsuit/ind...