การแพทย์ ของ แล็กทูโลส

ท้องผูก

แล็กทูโลสใช้เพื่อรักษาอาการท้องผูกเรื้อรังในคนไข้ทุกอายุโดยเป็นการรักษาระยะยาว[13]ใช้รักษาอาการท้องผูกที่ไม่ทราบสาเหตุและเรื้อรัง (chronic idiopathic constipation)อาจใช้เพื่อแก้ท้องผูกซึ่งเป็นผลของยาโอปิออยด์ และใช้รักษาอาการของโรคริดสีดวงทวารโดยทำอุจจาระให้อ่อน

ขนาดของยาเพื่อรักษาอาการท้องผูกที่ไม่ทราบสาเหตุและเรื้อรัง จะขึ้นอยู่กับความรุนแรงของอาการท้องผูกและผลที่ต้องการ ตั้งแต่เป็นตัวทำอุจจาระให้อ่อนจนกระทั่งถึงทำให้ท้องร่วงยาจะลดขนาดเพื่อคนไข้ภาวะมีกาแล็กโทสในเลือด (galactosemia) เนื่องจากการสังเคราะห์ยาโดยมากจะเหลือกาแล็กโทสที่เป็นมอโนแซ็กคาไรด์

ภาวะแอมโมเนียเกินในเลือด (hyperammonemia)

ยามีประโยชน์ในการรักษาภาวะแอมโมเนียเกินในเลือด (hyperammonemia) ซึ่งสามารถให้ผลเป็นโรคสมองเหตุตับ (hepatic encephalopathy)คือ ยาจะช่วงดักจับแอมโมเนีย (NH3) ในลำไส้ใหญ่[14]โดยอาศัยแบคทีเรียลำไส้ที่ทำลำไส้ใหญ่ให้เป็นกรด แล้วเปลี่ยนแอมโมเนียซึ่งสามารถแพร่อย่างเป็นอิสระให้เป็นแอมโมเนียม (NH+
4) ซึ่งไม่สามารถแพร่กลับเข้าในเลือด[15]

ยามีประโยชน์ป้องกันภาวะแอมโมเนียเกินในเลือดที่เป็นผลข้างเคียงของการใช้ยา valproic acid เพื่อรักษาโรคลมชัก โรคอารมณ์สองขั้ว และโรคไมเกรน[16]

การรักษาโรคสมองเหตุตับโดยทั่วไปจำเป็นต้องทานยาค่อนข้างมาก 3-4 ครั้งต่อวัน โดยมีอาการท้องร่วงเป็นคราว ๆ และท้องอืดเรื่อย ๆ เป็นผลข้างเคียงเกือบแน่นอนคนไข้ที่ทานยาในระดับนี้โดยทั่วไปจะใส่ผ้าอ้อมผู้ใหญ่และกางเกงในพลาสติกสำหรับกิจกรรมนอกบ้านหรือเมื่อนอน (โดยอาจใช้เบาะป้องกันเตียงด้วย)เพราะอาการท้องร่วงอาจเกิดได้อย่างรวดเร็วโดยไร้สัญญาณเตือน

การเกิดแบคเทีเรียในลำไส้เล็กเกิน

ยาก็ใช้สำหรับทดสอบว่ามีการเกิดแบคเทีเรียในลำไส้เล็กเกิน (small intestine bacterial overgrowth ตัวย่อ SIBO) หรือไม่แต่งานวิจัยเร็ว ๆ นี้หลายงานได้ตั้งข้อสงสัยอย่างหนักว่า การวินิจฉัย SIBO โดยวิธีนี้เชื่อถือได้หรือไม่[17][18][19][20]

การทดสอบจะทำโดยให้ผู้รับการทดสอบทานยาเป็นจำนวนมาก แล้วต่อมาตรวจสอบว่ามีแก๊สไฮโดรเจนในลมหายใจหรือไม่การทดสอบมีผลเป็นบวกถ้ามีไฮโดรเจนเพิ่มขึ้นในลมหายใจ ก่อนถึงเวลาที่คาดว่าแบคทีเรียในลำไส้ใหญ่จะย่อยสลายน้ำตาลได้การทดสอบนี้เนื่องกับผลงานวิจัยเบื้องต้นที่ได้เสนอสมมติฐานว่า การย่อยสลายที่เกิดก่อนมาจากลำไส้เล็กอย่างไรก็ดี ภายหลังก็มีการเสนอคำอธิบายอีกอย่างว่า เป็นค่าแปรปรวนของเวลาที่อาหารผ่านลำไส้เล็กในบุคคลต่าง ๆ[20]

กลุ่มพิเศษ

ไม่มีหลักฐานว่ายาสำหรับมารดามีอันตรายต่อทารกในครรภ์[3]และทั่วไปพิจารณาว่าปลอดภัยในระหว่างเลี้ยงลูกด้วยนม[5]