คุณสมบัติ ของ แอปเปิลทีวี

แอปเปิลทีวียอมให้ผู้ซื้อสามารถใช้เซต HDTV ในการแสดงภาพ, เล่นเพลง และดูวิดีโอที่มาจากบางผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตและผู้ให้บริการท้องถิ่นได้ ในรุ่นแรก (สีขาว) จะมี iTunes, Flickr, MobileMe/.Mac และ YouTube ส่วนในรุ่นที่สองได้เพิ่ม Netflix ทั้งสองรุ่นสนับสนุนการดาวน์โหลด/สตรีมพอดคาสต์ (podcasts)

การสนับสนุนบริการสื่ออินเทอร์เน็ตรวมถึง:[14]

  • ผู้ใช้สามารถเข้าถึง iTunes Store ได้โดยตรงผ่านทางแอปเปิลทีวีการเช่าภาพยนตร์, รายการโทรทัศน์, เสียงสตรีม (Stream audio) และพอดคาสต์วิดีโอ ในขณะที่รุ่นแรกของแอปเปิลทีวีสามารถดาวน์โหลดคอนเทนท์, รุ่นที่สองที่ขาดฮาร์ดไดรฟ์, และไม่สามารถจัดเก็บคอนเทนท์ที่ได้ซื้อไปได้ ผู้ใช้ที่อยากจะซื้อคอนเทนท์ผ่านทางแอปเปิลทีวียังสามารถทำได้ แต่ไม่สามารถดาวน์โหลดโดยตรงผ่านทางแอปเปิลทีวีได้. คอนเทนท์จะต้องเป็นการถ่ายทอดสดทางสตรีม หรือดาวน์โหลดผ่านทาง iTunes บนอุปกรณ์ที่มีความสามารถในการจัดเก็บอย่าง คอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล, iPhone, iPad, ฯลฯ) ตั้งแต่ พ.ศ. 2551, พอดคาสต์ได้ถูกใช้บริการบนแอปเปิลทีวี เหมือนกับสื่ออื่น ๆ ของวิดีโอ เทียบได้กับ RSS และ Feeds[15][16] จนกระทั่งถึงกลางเดือนมีนาคม พ.ศ. 2552, แอปเปิลทีวียังคงเป็นวิธีเดียวที่จะซื้อคอนเทนท์ HD iTunes[17]
  • แอปเปิลทีวีสามารถแสดงผลภาพถ่ายจาก Flickr และ iCloud ในการนำเสนอภาพนิ่งด้วยการเปลี่ยนภาพอัตโนมัติแบบ cross-dissolve และมีออปชันแบบ Ken Burns effect[18]
  • Netflix streaming ถูกเพิ่มเข้ามาในช่วงอัปเดตเดือนกันยายน พ.ศ. 2553
  • Hulu Plus ถูกเพิ่มเข้ามาในช่วงเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2555
  • YouTube และ Vimeo สามารถดูได้ในแอปเปิลทีวีผ่านทางแอปพลิเคชัน[19][20] บัญชี YouTube ไม่จำเป็นต้องใช้, แต่สามารถทำให้ผู้ใช้เลือกค่าความเป็นส่วนตัวอย่างการตั้งรายการโปรดได้[21]
  • Rotten Tomatoes องค์กรตรวจสอบและจัดอันดับในหนังได้ถูกแสดงในหนังที่ให้เช่าแต่ละเรื่อง[22] ผู้มีบัญชีรายชื่อ Rotten Tomatoes ไม่สามารถทำการล็อกอินได้ และรวมถึงไม่มีการเลือกค่าความเป็นส่วนตัว
  • NBA TV และ MLB.tv อนุญาตให้เข้าถึงคะแนน สถิติในลีกและการบริการของทีมสมาชิกในลีก[23] แต่แอปเปิลทีวีไม่สนับสนุน user-defined RSS audio, video และ text feeds[24]
  • WatchESPN, HBO GO, Sky News, Crunchyroll และ Qello ถูกเพิ่มเข้ามาเมื่อ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2556[25] WatchESPN และ HBO GO ต้อการ ผู้ให้บริการ TV Everywhere ที่ได้รับสิทธิ์, ส่วน Crunchyroll และ Qello สามารถทำการจ่ายค่าสมาชิกผ่านทางระบบจ่ายเงินของแอปเปิลได้ และ Sky News สามารถรับชมได้โดยไม่คิดค่าใช้จ่ายหรือการยืนยันสิทธิ์ใด ๆ สำหรับผู้ใช้ที่อยู่สหภาพอาณาจักร ไอร์แลนด์ และสหรัฐอเมริกา
  • Disney Channel, Disney XD (จำเป็นต้องใช้บริการ TV Everywhere), Vevo, Smithsonian Networks และ The Weather Channel (พยากรณ์ ข่าวภูมิอากาศ และวิดีโอพยากรณ์ในภูมิภาค) ถูกรวมเข้ามาเมื่อวันที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2556[26]
  • Yahoo Screen และ PBS ถูกเพิ่มเข้ามาวันที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556[27]
  • Bloomberg, Crackle, Watch ABC (ต้องทำการสมัครสมาชิกอย่างไรก็ตามบางส่วนสามารถรับชมได้ฟรี), และ KORTV ถูกเพิ่มเข้ามาวันที่ 11 ธันวาคม พ.ศ. 2556[28]
  • The WWE Network ถูกเพิ่มเข้าประมาณช่วงปลายของเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557, พร้อมกับ Red Bull TV และ TV4 สำหรับผู้ชมชาวสวีเดน[29]
  • History, Lifetime และ A&E ถูกเพิ่มช่วงเดือนเมษายน พ.ศ. 2557
  • ABC News, AOL, PBS Kids, Willow TV ถูกเพิ่มในช่วงเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2557

รายงานที่ยังไม่ได้ยืนยันแจ้งว่ามีความเป็นไปได้ในการย้าย IOS apps ได้เพื่อให้สามารถในการแข่งขันกับระบบเกมที่ถูกสร้างขึ้นใน Android อย่าง Ouya

ส่วนควบคุมโดยผู้ปกครอง (Parental controls) จะอนุญาตให้ผู้ปกครองจำกัดสิทธิ์เด็กในปกครองในการเข้าถึงสื่อทางอินเทอร์เน็ต ผ่านทาง Restrictions setting ส่วน individual services สามารถในการปิดได้ (อย่างเช่น, เพื่อลดความซับซ้อนในการใช้งาน), และ icons สามารถในการจัดโดยการลากแปะได้แบบ à la iOS. มีเดียอินเทอร์เน็ตถูกแบ่งเป็น 4 กลุ่มได้แก่ "Internet Photos", "YouTube", "Podcasts", และ "Purchase and Rental" ในแต่ล่ะกลุ่มจะถูกควบคุมโดยส่วนควบคุมโดยผู้ปกครอง (Parental control) ด้วย "Show", "Hide" และ "Ask" เพื่อแสดงหน้าจอการกรอกตัวเลขรหัส 4 หลัก ในได้เพิ่ม movies, TV shows, music และ podcasts ให้สามารถควบคุมโดยระดับความเหมาะสมในการรับชม (Rating)[21]

สื่อท้องถิ่น (Local sources)

Apple TV สามารถซิงค์ หรือ สตรีมรูปถ่าย เพลง และวีดีโอจากคอมพิวเตอร์ที่รัน iTunes[30]

ผู้ใช้สามารถติดต่อคอมพิวเตอร์ผ่านทางเครือข่ายท้องถิ่น (Local network) เพื่อที่จะทำการจัดการคลังมีเดียศูนย์กลางของบ้านผู้ใช้ อย่าง CD, DVD และ HD ที่ถูกอัดจากแผ่น (Ripped) ได้[31] การให้การติดต่อโดยตรงผ่านโปรแกรมจัดการรูปภาพอย่าง iPhoto[32] การจำกัดสิทธิ์ในการเข้าถึงโฮมวีดีโอได้เฉพาะทางเครือข่ายท้องถิ่น[33] การเล่นวิทยุอินเทอร์เน็ต,[34][35] หรือ ดึงข้อมูลล่วงหน้า หรือ พรีโหลดสือบนแอปเปิลทีวีเพื่อที่ทำการรับชมในเวลาถัดไปให้เหมือนกับวีดีโอทั่วไป[36] แอปเปิลทีวีสนับสนุนให้ผู้ใช้ที่อยากจะให้แอปเปิลทีวีติดต่อกับคอมพิวเตอร์ผ่านทาง ซิงค์และสตรีมโหมดก็สามารถทำได้[30]

ซิงค์โหมดในแอปเปิลทีวีทำงานคล้าย ๆ กับที่ทำงานใน iPod ทำโดยเชื่อมต่อกับคลังข้อมูล iTunes บนคอมพิวเตอร์และสามารถซิงค์กับคลังหรือทำสำเนาทั้งหมดหรือส่วนที่เลือกในฮาร์ดดิสค์ของแอปเปิลทีวีได้ และแอปเปิลทีวีไม่จำเป็นต้องทำการติดต่อกับเครือข่ายหลังจากทำการการซิงค์เสร็จ[36][37] ภาพถ่ายสามารถทำการซิงค์จาก iPhoto, Aperture, หรือจากโฟดเดอร์ในฮาร์ดิสค์บน Mac, หรือ Adobe Photoshop Album, Photoshop Elements, หรือจากโฟดเดอร์ใน Windows[38]

แอปเปิลทีวีสามารถทำงานเป็นเครื่องเล่นดิจิตอลแบบ peer-to-peer, เล่นสตรีมจากคลังภาพ iTunes และข้อมูลจากเครือข่าย[39][40]

แอปเปิลที่วีรุ่นแรกสามารถเล่นสตรีมกับคอมพิวเตอร์ได้ถึงห้าเครื่องหรือคลังข้อมูลบน iTunes นอกจากนี้ 5 แอปเปิลทีวีสามารถเชื่อมโยงกับคลัง iTunes เดียวกันได้ ในรุ่นที่สองเป็นต้นมาแอปเปิลทีวีให้ผู้ใช้สามารถสตรีมเนื้อหาจากคลังข้อมูล iTunes ได้มากกว่า 1 ที่: มากไปกว่านั้นคลังข้อมูล iTunes สามารถอยู่บนคอมพิวเตอร์เดียวกันหรือไม่ก็ได้ ซึ่งสามารถทำได้ก็ต่อเมื่อแอปเปิ้ลทีวีและของทุกคลังข้อมูล iTunes ที่คุณต้องการในการสตรีมเนื้อหามีเงื่อนไขดังต่อไปนี้ (1) แอปเปิลทีวีและ คลังข้อมูล iTunes ที่คุณกำลังสตรีมมิ่งมาจากเครือข่ายท้องถิ่นเดียวกัน (2) ทั้งหมดใช้ฟีเจอร์iTunes "Home Sharing" และ (3) มี "Home Sharing" Apple ID เดียวกัน

รูปแบบข้อมูลที่สนับสนุน (Supported formats)

แอปเปิลทีวีสนับสนุนรูปแบบข้อมูลเสียง วิดีโอ และภาพดังต่อไปนี้:[41]

วีดิโอ (Video)

High or Main Profile level 4.0 หรือ lower, Baseline profile level 3.0 หรือต่ำกว่าด้วย AAC-LC audio จนถึง 160 kbit/s ต่อชาแนล, 48 kHz, stereo audio ในไฟล์ฟอร์แมต .m4v, .mp4, and .mov
  • MPEG-4 ถึง 720×432 (432p) หรือ 640×480 pixels ที่ 30 เฟรมต่อวินาที
MPEG-4 video ถึง 2.5 Mbit/s, 640×480 pixels, 30 เฟรมต่อวินาที, Simple Profile ด้วย AAC-LC audio จนถึง to 160 kbit/s, 48 kHz, stereo audio ในไฟล์ฟอร์แมต .m4v, .mp4, และ .mov
  • Motion JPEG ถึง 720p ที่ 30 เฟรมต่อวินาที
Motion JPEG (M-JPEG) ถึง 35 Mbit/s, 1280×720 pixels, 30 เฟรมต่อวินาที, audio ใน ulaw, PCM stereo audio ใน .avi file format.

ภาพ Picture

Audio

ทีวีที่รองรับ

  • เทียบได้กับ high-definition TVs ด้วย HDMI และรองรับ 1080p หรือ 720p ที่ 60/50 Hz.
  • ต้องการ HDCP เมื่อสื่อมีการป้องกัน
  • แนะนำความเร็วอินเทอร์เน็ตอย่างน้อย 8 Mbit/s หรือเร็วกว่าสำหรับการรับชมภาพยนตร์ 1080p HD movies และ รายทีวี, 6 Mbit/s หรือเร็วกว่าสำหรับรับชมคอนเทนท์ 720p, และ 2.5 Mbit/s หรือเร็วกว่าสำหรับคอนเทนท์ SD

ความพยายามที่จะซิงค์เนื้อหาที่ไม่สนับสนุนในแอปเปิลทีวี มีการแสดงข้อผิดพลาดบน iTunes[43]

รุ่นแรกและครั้งที่สองการแสดงผลของวิดีโอในแอปเปิลทีวีสามารถกำหนดได้ทั้ง 1080i หรือ 1080p; อย่างไรก็ตาม, การแก้ปัญหานี้ถูกจำกัดอยู่ที่ส่วนติดต่อผู้ใช้และการดูรูปภาพ – เนื้อหาอื่น ๆ ทั้งหมดจะถูกปรับให้มีความละเอียดอื่น ซึ่งทั้งสองรุ่นไม่สามารถที่จะเล่นวีดีโอในโหมด 1080i or 1080p ได้ (เช่น HD camera video).[39][40][44][45][46] จนกระทั่งรุ่นที่สามที่สนับสนุน 1080p

แอปเปิลได้นำเสนอภาพยนตร์ H.264 1080p และวีดีโอ podcasts บน iTunes.[47] เปรียบเทียบกับ,ภาพยนตร์ Blu-ray Disc ที่มี 1080p H.264 หรือ การเข้ารหัส วิดีโอ VC-1 ที่ความเร็วสูงถึง 40 Mbit/s.[48]

แอปเปิลทีวีใช้วงจรที่สนับสนุนระบบเสียงแบบ Audio 7.1 surround sound,[49] และในผู้ใช้บริการให้เช่าบางรายให้เช่าแบบ Dolby Digital 5.1 surround sound.[50]

ตัวเลือกใน QuickTime ของแอปเปิลทีวียินยอมให้มีการส่งคอนเทนออกในบางรูปแบบที่อุปกรณ์ไม่สนับสนุนได้ง่ายขึ้นโดยการทำการรีเอนโค้ด (Re-encoded)[51] โปรแกรมประยุกต์ที่ใช้ QuickTime ในการส่งออก ​(Export) สื่อสามารถใช้ตัวเลือกนี้ อย่างเช่น iMovie's Share menu,[52] iTunes' advanced menu,[53] และบางเครื่องมือที่ใช้ในการแปลงคอนเทนของผู้ผลิตรายอื่น[54]

การติดต่อสื่อสาร (Connectivity)

ด้านหลังแอปเปิลทีวีรุ่นที่ 1ด้านหลังแอปเปิลทีวีรุ่นที่ 2 และ 3

แอปเปิลทีวีวิดีโอสตรีมต่อผ่านสาย HDMI (Type A) ไปยังช่อง HDMI ของโทรทัศน์ ระบบเสียงสนับสนุนผ่านทางเส้นใยนำแสง (optical) หรือช่อง HDMI ในอุปกรณ์ยังมีช่อง Micro-USB ที่สงวนไว้สำหรับการปรับปรุงอุปกรณ์และการตรวจสอบ อุปกรณ์ยังสามารถต่อ Ethernet หรือ Wi-Fi เพื่อติดต่อกับคอมพิวเตอร์สำหรับการรับดิจิตอลคอนเทนท์จากอินเทอร์เน็ตและเครือข่าย แอปเปิลทีวีเองไม่มีการต่อ ระบบเสียงและ ภาพ หรือสายแบบอื่นนอกเหนือจากที่กล่าวข้างต้นเพื่อรองรับ ภาพ เสียง หรือสายเคเบิลอื่น ๆ ที่เป็นต่อการใช้งานต้องการเพิ่มเติม[55] ในแอปเปิลทีวีรุ่นก่อน ไฟล์ข้อมูลสามารถโอนย้ายโดยตรงจากเครื่องแอปเปิลทีวีไปยังเครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องอื่นโดยการซิงค์ เมื่อคอนเทนท์ถูกเก็บไว้ที่ฮาร์ดไดร์ของแอปเปิลทีวีแล้ว การต่ออินเทอร์เน็ตก็จำไม่เป็นต้องใช้งานในการดูคอนเทนท์นั้น ๆ[36] ซึ่งจะไม่ได้พบในแอปเปิลทีวีรุ่นหลัง ๆ ที่ไม่มีฮาร์ดไดร์ในเครื่อง

ในแอปเปิลทีวีรุ่นแรกมี วิดีโอคอมโพเนนต์ (Component video) และ RCA connector สำหรับเสียง ซึ่งทั้งสองถูกเอาออกในรุ่นที่สอง ทำให้อุปกรณ์ไม่มี RCA/composite video หรือช่องต่อ F/RF [40][56]

แอร์เพลย์ (AirPlay)

ดูบทความหลักที่: AirPlay

แอร์เพลย์ (AirPlay) ให้อุปกรณ์ที่มีระบบปฏิบัตการ iOS หรือคอมพิวเตอร์ที่เปิดใช้งานแอร์พอร์ต (AirPort-enabled) ด้วยโปรแกรมเพลง iTunes เพื่อส่งเพลงเป็นสตรีมได้ทีล่ะหลาย ๆ สตรีม ( 3 ถึง 6 ) ไปยังจุดเชื่อมต่อสเตอริโอ และไปยังแอร์พอร์ตเอ็กเพรส (AirPort Express) (ในช่วงเริ่มแรกจะเป็นเสียงเพียงอย่างเดียวในแอปเปิลทีวี) หรือ แอปเปิลทีวี[57]

สื่อสตรีมของแอร์พอร์ตเอ็กเพรสสามารถใช้ Apple's Remote Audio Output Protocol (RAOP), เป็นโพรโตคอลหนึ่งใน RTSP/RTP ที่เป็นกรรมสิทธิ์ของแอปเปิล การใช้ WDS-bridging,[58] แอร์พอร์ตเอ็กเพรสสามารถให้การทำงานแอร์เพลย์ (อย่างเช่น การติดต่ออินเทอร์เน็ต แชร์ไฟล์ และ การแชร์การพิมพ์ เป็นต้น)ในระยะทางไกลได้ถึง 10 ไคลเอนต์ทั้งการสื่อสารถ่าน สาย และไร้สาย

ลำโพงที่ติดมากับแอร์พอร์ตเอ็กเพรส หรือแอปเปิลทีวีสามารถเลือกได้ผ่านทางโปรแกรม "Remote" iPhone/iPod, ซึ่งรองรับการใช้งานผ่านแอร์เพลย์ได้[59] (ดูเพิ่มเติมที่หัวข้อ "Remote control" ที่จะกล่าวต่อไป)

การเข้ากันของแมคที่ใช้ระบบปฏิบัติการ OS X Mountain Lion สามารถแสดงผลหน้าจอไปยังแอปเปิลทีวี ผ่านทางแอร์เพลย์มิรเรอริ่ง (AirPlay Mirroring)[60] และถ้าใช้งานบน OS X Mavericks สามารถใช้งานเพิ่มเติมด้วยแอร์เพลย์ดิสเพลย์ (AirPlay Display)

รีโมทคอนโทร (Remote control)

แอปเปิลทีวีสามารถควบคุมได้ด้วยรีโมทคอนโทรอินฟาเรทได้หลายตัว[61] หรือจะแพร์กับ แอปเปิลรีโมท (Apple Remote) เพื่อป้องกันการรบกวนจากรีโมทอื่น ๆ ก็ได้ [39][62][63] ไม่ว่าจะใช้รีโมทคอนโทรชนิดใดจะสามารถควบคุมหน้าปัดควบคุมเสียงได้ แต่ทำได้เฉพาะการเล่นเพลงเท่านั้น[6][64][65]

แอปเปิลคีบอร์ดไร้สาย (Apple Wireless Keyboard) สามารถใช้ได้ตั้งแต่แอปเปิลทีวีรุ่นที่สองเป็นต้นไป ทำการควบคุมผ่าน Bluetooth[66] ผู้ใช้สามารถควบคุมการเล่นสื่อ, เมนู navigate, การใส่ข้อความ หรือข้อมูลอื่น ๆ คีย์บอร์ดเจ้าอื่นที่ใช้แบบเลย์เอาท์ของแอปเปิลก็สนับสนุนการทำงานนี้เช่นกัน[66]

วันที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2551, แอปเปิลได้ปล่อยฟรีแอปพลิเคชัน Remote, บน iOS ที่ทำให้ iPhone, iPod Touch, และ iPad ควบคุม iTunes บนแอปเปิลทีวีผ่านทาง Wi-Fi[67][68]

ซอฟแวร์ (Software)

ไฟล์:Apple TV 5.2.jpgThe interface used in the third generation Apple TV series featured a rounded rectangle tile interface.

เริ่มแรกแอปเปิลทีวีทำงานบน Mac OS X v10.4 Tiger รุ่นปรับปรุง[69] เพื่อให้แสดงผลมายังผู้ใช้ด้วยอินเทอร์เฟต (interface) ที่คล้ายกับ ฟรอนท์โรล (Front Row). เมื่อส่วนอินเทอร์เฟตนี้ถูกรวมเข้ากับ Mac OS X v10.5 ในช่วงปลายปี พ.ศ. 2550, ซึ่งเป็นการปรับปรุงแอปเปิลทีวีครั้งสำคัญ ("Take Two" และรุ่นถัดไป) ก็ไม่ได้รวม Front Row อีกต่อไป[70] สื่อในแอปเปิลถูกจัดเป็น 6 กลุ่ม (ภาพยนตร์, รายการทีวี, เพลง, YouTube, podcasts, และภาพถ่าย) และแสดงในเมนูเริ่มต้น พร้อมกับตัวเลือก Settings สำหรับการตั้งค่า รวมถึงการอัพเกรดโปรแกรม[71][72] การรวม Apple Remote ถูกใช้ในการเลื่อนเมนูด้วยปุ่มขึ้นลง และเลือกด้วยปุ่มเพลย์ ปุ่มซ้ายขวา ถูกใช้ในการทำดูย้อน และเร่งไปข้างหน้าในขณะทำการชมภาพยนตร์ หรือเลื่อนเพลงไปยังเพลงก่อนหน้า หรือเพลงถัดไปในขณะฟังเพลง[39]

เหมือนแผงหน้าปัดฟรอนท์โรล์บนแมค, ตัวเลือกรายการทีวี จะสามารถให้ผู้ใช้ทำการเรียงข้อมูลด้วยการ เล่นครั้งล่าสุด หรือวันที่ และในตัวเลือกภาพยนตร์ จะสามารถแสดงตัวอย่างภาพยนตร์ที่เข้าใหม่ สามารถทำบุคมาร์คได้กับสื่อภาพยนตร์ทุกชนิด ได้แต่ ภาพยนตร์ รายการทีวี มิวสิควีดีโอ และ วีดีโอพอดคาสต์ แอปเปิลทีวีสามารถทำบุคมาร์คในสตรีมวีดีโอถ้ามีการเล่นอยู่กลางเรื่องเพื่อสามารถเล่นต่อไปได้เมื่อมีการเล่นครั้งถัดไป[73] เมนูย่อย "Music" ก็มีการนำเสนอการทำงานที่คล้ายกับที่ทำในไอพอด (iPod), โดยแสดงเพลงที่มีด้วยการเรียงลำดับตาม ศิลปิน อัลบั้ม เพลง ชนิดของเพลง และผู้แต่ง และยังสามารถทำการสุ่ม และแสดง ออดิโอบุค ประเภทสื่อที่เป็นถูกเลือกด้วยรีโมท ภาพเคลื่อนไหวของอัลบั้มจะถูกแสดงขึ้นมาด้านข้างของสื่อประเภทที่เลือก ในขณะที่ทำการเล่นออดิโอ อย่างเพลงหรือออดิโอพอดแคสต์ แอปเปิลทีวีจะคอยเลื่อนข้อมูลอัลบั้มบนหน้าจอแสดงผลเพื่อป้องกันการไหม้ของหน้าจอแสดงผลบริเวณนั้นจากการแสดงข้อมูลซ้ำ ๆ ที่บริเวณเดียว[73]

ในเครื่องรุ่นที่ 2 แอปเปิลทีวีทำงานบน iOS, แทนที่จะเป็น Mac OS X ที่ถูกปรับปรุงจากรุ่นปกติ ทำให้ส่วนติดต่อผู้ใช้มีบางส่วนไม่ตรงกับในเครื่องรุ่นที่ 1 บ้าง

แหล่งที่มา

WikiPedia: แอปเปิลทีวี http://www.avhub.com.au/index.php/Editor-s-Blog/So... http://9to5mac.com/2013/08/27/apple-tv-updated-wit... http://9to5mac.com/2013/12/11/apple-tv-adds-crackl... http://www.anandtech.com/mac/showdoc.aspx?i=2951 http://images.apple.com/legal/warranty/docs/cpuwar... http://docs.info.apple.com/article.html?path=iMovi... http://store.apple.com/us/tab?node=home/shop_ipod/... http://support.apple.com/kb/HT1415 http://support.apple.com/kb/HT1498 http://support.apple.com/kb/HT1555