เบื้องหลังและการแต่งเพลง ของ โดนต์เซย์ยูเลิฟมี

เมเรียน เรเวนและมาริต ลาร์เซนมาจากโลเรินสกูก เขตทางทิศตะวันออกของกรุงออสโล[2] ทั้งคู่พบกันตั้งแต่อายุ 5 ขวบ[3] และได้กลายมาเป็นเพื่อนรักกัน ทั้งคู่ค้นพบในความสนใจด้านดนตรีเหมือนกัน และเริ่มร้องเพลงด้วยกันรวมถึงแสดงในงานดนตรี[2][4] ได้ออกอัลบั้มสำหรับเด็กด้วยกันในฐานะคู่ดูโอ ชื่อชุด Synger Kjente Barnesanger (อังกฤษ: Sing Famous Children's Songs) ในปี ค.ศ. 1996 ภายใต้ชื่อวงว่า มาริตแอนด์เมเรียน[2] เมื่อลาร์เซนอายุ 11 และเรเวนอายุ 12 ปี[4] อัลบั้มได้การเสนอชื่อเข้าชิงรางวัล สเปลมานไพรเซน[5] หลังจากออกอัลบั้มนี้พวกเธอก็เริ่มแต่งเพลงป็อปด้วยกันหลายเพลง[4] แล้วได้ส่งเดโมให้ค่ายเพลง หนึ่งในนั้นส่งไปยังแอตแลนติกเรเคิดส์ จนพวกเธอได้เซ็นสัญญาครอบคลุมทั่วโลกในปี ค.ศ. 1998[6] พวกเธอยังให้แฟนเพลงส่งชื่อวงใหม่ในการแข่งขัน มีหญิงคนหนึ่งแนะนำชื่อวงว่า เอ็มทูเอ็ม[3] เรเวนและลาร์เซนอายุ 14 และ 15 ปี ตามลำดับ ขณะกำลังบันทึกเสียงอัลบั้มเปิดตัวชุด เชดส์ออฟเพอร์เพิล รวมถึงซิงเกิลเปิดตัว "โดนต์เซย์ยูเลิฟมี"[2][7]

ดนตรีและเนื้อร้องประพันธ์โดยเรเวน, ลาร์เซน, ปีเตอร์ ซิซโซ และจิมมี บราโลเออร์[8][9] ผลิตเพลงโดยซิซโซและบราโลเออร์ และผสมเสียงโดยทอม ลอร์ด-อัลเจ[2] เพลง "โดนต์เซย์ยูเลิฟมี" มีอัตราจังหวะ 4/4 เทมโปค่อนข้างช้า ด้วยจังหวะ 100 ครั้งต่อนาที[10] เรเวนและลาร์เซนแยกกันร้องนำในท่อนเวิร์ส 2 ท่อนแรก และร้องประสานเสียงด้วยกันในท่อนคอรัส[11] เกือบแทบทั้งเพลงท่อนเวิร์สมีคีย์ซีชาร์ปไมเนอร์ (C♯ minor) และท่อนคอรัสมีความสัมพันธ์ทางกุญแจเสียงกับคีย์ อีเมเจอร์ (E major)[10] คอรัสสุดท้าย เปลี่ยนคีย์มาเป็น เอฟชาร์ปเมเจอร์ (F♯ major)[10] เครื่องดนตรีหลักของเพลงประกอบด้วย เปียโนไฟฟ้าและกีตาร์โปร่ง[10] มีเสียงสะดุดที่ซ้อนทับในคอรัส ในลักษณะแบบเพลง "อืมม์บ็อป" ของวงแฮนสัน[11] คอรัสสุดท้าย ร้องซ้ำแบบบิดโน้ต (แอดลิบ) เป็นเสียงฉากหลังจนกระทั่งเพลงเบาลง[10]

เนื้อเพลงพูดถึง "การบอกกฎความสัมพันธ์ในระยะแรก เพลาลงและอย่าพูดว่าฉันรักเธอ จนกว่าเธอจะให้เวลาฉันและรู้จักฉันดีพอ"[8]จากความเห็นของนักดนตรีวิทยา จอน มิกเคล พรอช อัลวิก (Jon Mikkel Broch Ålvik) "โดนต์เซย์ยูเลิฟมี" คือเพลงทีนป็อปของคนที่มีเหตุผล[11] อัลวิกไม่ยอมรับการตีความอย่างผิวเผินที่เนื้อเพลง "ส่งสาส์นด้านศีลธรรม ให้งดเว้นเพศสัมพันธ์" เขาถกเถียงแทนว่า เอ็มทูเอ็ม "ส่งสัญญาณท่าทีว่า ให้พิจารณาและให้ความมั่นใจ แทนที่จะแสดงความเคร่งครัด[11] อาจอธิบายเพลงนี้ได้ว่าเป็นแนวบับเบิลกัมป็อป[1] ที่ดูคล้าย ๆ กับเนื้อเพลงของวงเกิร์ลกรุ๊ปหลายวงในคริสต์ทศวรรษ 1960 ขณะเดียวกันก็ได้รับอิทธิพลจากเพลงร็อกมากกว่าและแนวเพลงที่เขียนโดนักร้อง-นักแต่งเพลง มากกว่าเพลงทีนป็อปทั่ว ๆ ไป ในปลายคริสต์ทศวรรษ 1990[8][11]

ยังมีเนื้อเพลงที่แตกต่างกันเล็กน้อยระห่างฉบับในภาพยนตร์ โปเกมอน เดอะมูฟวี่ ตอน ความแค้นของมิวทู กับฉบับที่ออกในอัลบั้ม เชดส์ออฟเพอร์เพิล ในฉบับ เชดส์ออฟเพอร์เพิล มีท่อนร้องที่ว่า "then you start kissing me, what's that about?"[12] ส่วนในฉบับ โปเกมอน ใช้เนื้อร้อง "then you said you love me, what's that about?"[13] เมื่อถามว่าเหตุใดจึงเปลี่ยนเนื้อเพลง เอ็มทูเอ็ม ตอบว่า "ในฉบับ Pokémon คนจะคิดว่าไม่เหมาะสมที่จะให้มีการจูบในเนื้อเพลง เพราะเป็นเพลงสำหรับเด็ก เราคิดว่าการเปลี่ยนเนื้อแบบนี้ค่อนข้างงี่เง่า ฉบับดั้งเดิมใน เชดส์ออฟเพอร์เพิล คือสิ่งที่เราต้องการ"[14] เอ็มทูเอ็มไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับ โปเกมอน มาก่อนจนกระทั่งได้รับเลือกให้มาทำเพลงประกอบ เพราะยังไม่ได้รับความนิยมในนอร์เวย์[14]

ใกล้เคียง

โดนต์เซย์ยูเลิฟมี โดนต์เลตมีดาวน์ (เพลงเดอะเชนสโมเกอส์) โดนต์สต็อปทิลยูเก็ตอินัฟ โดนต์สปีก โดนต์โนว์วอตทูดู โดนต์นีดเดอะซันทูไชน์ (ทูเมกมีสไมล์) โดนต์วอนนาโนว์ โดนต์เซฟอิตออลฟอร์คริสต์มาสเดย์ โดนต์ครายฟอร์มีอาร์เจนตินา โดนต์ชา

แหล่งที่มา

WikiPedia: โดนต์เซย์ยูเลิฟมี http://www.aria.com.au/pages/aria-charts-accredita... http://www.aria.com.au/pages/aria-charts-end-of-ye... http://www.maxtv.com.au/news/90snewsoct10.aspx http://www.ultratop.be/fr/showitem.asp?interpret=M... http://www.ultratop.be/nl/showitem.asp?interpret=M... http://www.bac-lac.gc.ca/eng/discover/films-videos... http://www.bac-lac.gc.ca/eng/discover/films-videos... http://www.allmusic.com/album/shades-of-purple-mw0... http://www.allmusic.com/album/the-day-you-went-awa... http://www.allmusic.com/artist/m2m-mn0000807725/aw...