ประวัติศาสตร์ ของ โดแฟ็งแห่งฝรั่งเศส

กีกที่ 8 เคานต์แห่งเวียนัว ผู้มีสัญลักษณ์ปลาโลมาอยู่บนตราอาร์มประจำตัวจึงได้รับชื่อเล่นว่า เลอโดแฟ็ง ต่อมายศ โดแฟ็งแห่งเวียนัว จึงสืบทอดมายังทายาทในตระกูลของเจ้าชายแห่งอีฟว์โต จนกระทั่งปี ค.ศ. 1349 เมื่อเอิงแบร์ที่ 2 ขายที่ดินซึ่งเป็นแคว้นในระบบมาเนอร์ที่เรียกว่า แคว้นโดฟีเน ให้แก่พระเจ้าฟิลิปที่ 6 ในเงื่อนไขที่ว่ารัชทายาทแห่งฝรั่งเศสจะเป็นผู้สืบทอดอิสริยยศ เลอโดแฟ็ง ต่อไป ส่วนมเหสีของรัชทายาทจะได้อิสริยยศ ลาโดฟีน

เจ้าชายฝรั่งเศสพระองค์แรกที่ทรงถูกเรียกขานว่า "เลอโดแฟ็ง" คือพระเจ้าชาร์ลที่ 5 ซึ่งยศนี้ประมาณเทียบเท่าได้กับยศ "เจ้าชายแห่งเวลส์" ของอังกฤษ, "ดยุกแห่งบรากันซา" ของโปรตุเกส หรือ "เจ้าชายแห่งอัสตูเรียส" ของสเปน ซึ่งพระยศเต็มของโดแฟ็งมีนามว่า "โดยพระคุณแห่งพระเจ้า, โดแฟ็งแห่งเวียนัว, เคานต์แห่งวาล็องตีนัวและดียัว" (ฝรั่งเศส: par la grâce de Dieu, dauphin de Viennois, comte de Valentinois et de Diois; ปาร์ลากรัสเดอดีเยอ, โดแฟ็งเดอเวียนัว, กงต์เดอวาล็องตีนัวเอเดอดียัว) ส่วนตราอาร์มประจำตำแหน่งจะเป็นการรวมเอาสัญลักษณ์ปลาโลมา (โดฟีเน) กับสัญลักษณ์ดอกลิลลี (เฟลอร์เดอลี) เข้าด้วยกัน และในบางกรณีอาจจะรวมเอาสัญลักษณ์ของตราอาร์มอื่นเข้าไว้ด้วย เช่น โดแฟ็งฟรานซิส (ค.ศ. 1518 - 1536) ซึ่งเป็นพระโอรสในพระเจ้าฟร็องซัวที่ 1 ทรงปกครองแคว้นเบรอตาญ ขณะทรงพระยศโดแฟ็งจึงมีเอารวมเอาสัญลักษณ์ของแคว้นดังกล่าวมาประดับไว้ในตราอาร์มประจำอิสริยยศโดแฟ็งด้วย หรือในกรณีของพระเจ้าฟร็องซัวที่ 2 ผู้ทรงดำรงตำแหน่งพระมหากษัตริย์แห่งสกอตแลนด์จากการเสกสมรสกับพระราชินีนาถแมรีที่ 1 แห่งสกอตแลนด์ จึงได้มีการนำเอาสัญลักษณ์ตราอาร์มของราชอาณาจักรสกอตแลนด์เข้ามารวมในตราอาร์มของโดแฟ็งแห่งฝรั่งเศส

แต่เดิมแล้วผู้ทรงพระยศโดแฟ็งมีภาระรับผิดชอบปกครองแคว้นโดฟีเน ซึ่งตามกฎหมายเป็นส่วนหนึ่งของจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ และพระจักรพรรดิทรงพระราชทานอำนาจให้แก่รัชทายาทฝรั่งเศสปกครอง แต่ทรงกำหนดห้ามมิให้รวมเข้ากับฝรั่งเศส เพราะแคว้นโดฟีเนเคยบอบช้ำจากระบอบอนาธิปไตยในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 14 - 15 เนื่องจากในขณะนั้นโดแฟ็งแห่งฝรั่งเศสถูกมองว่าไร้ซึ่งอำนาจและเป็นเพียงแค่ตำแหน่งเล็ก ๆ

ในช่วงที่เจ้าชายหลุยส์ พระโอรสในพระเจ้าชาร์ลที่ 7 ทรงดำรงพระยศโดแฟ็ง หลุยส์ทรงท้าท้ายพระบิดาด้วยการพำนักอยู่ในแคว้นโดฟีเนนานกว่าที่พระบิดาทรงอนุญาต และยังทรงเข้าไปยุ่งเกี่ยวการเมืองในทางที่เป็นประโยชน์ต่อโดฟีเนมากกว่าต่อฝรั่งเศส เช่น การเสกสมรสกับชาร์ล็อตต์แห่งซาวอยเพื่อต่อต้านพระประสงค์ของพระบิดา ซึ่งซาวอยถือว่าเป็นพันธมิตรของโดฟีเนและเจ้าชายหลุยส์มีพระประสงค์ในการกระชับความสัมพันธ์ในการที่จะกำจัดกลุ่มกบฏและกองโจรให้หมดไปจากแคว้นของพระองค์ ต่อมาในปี ค.ศ. 1456 เจ้าชายหลุยส์ทรงถูกบังคับให้เสด็จออกจากแคว้นโดยกองทหารของพระเจ้าชาร์ลที่ 7 ทำให้ทั้งแคว้นตกอยู่ในความสับสนวุ่นวาย แต่ต่อมาเมื่อทรงขึ้นครองราชย์เป็นพระเจ้าหลุยส์ที่ 11 แห่งฝรั่งเศส พระองค์จึงทรงผนวกเอาโดฟีเนรวมเข้ามาอยู่ใต้อำนาจฝรั่งเศสโดยสมบูรณ์

พระอิสริยยศโดแฟ็งจะถูกพระราชทานโดยอัตโนมัติแก่ทายาทผู้มีสิทธิ์โดยตรงในราชบัลลังก์ฝรั่งเศสลำดับถัดไป ซึ่งลำดับดังกล่าวก็ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขต่าง ๆ เช่น ลำดับการประสูติ, ลำดับการสืบราชสมบัติของพระราชบิดา-พระราชมารดา หรือการสิ้นพระชนม์ลงของโดแฟ็งพระองค์ก่อนหน้า โดยการพระราชทานยศโดยอัตโนมัตินี้ไม่เหมือนกับการพระราชทานยศเจ้าชายแห่งเวลส์ของอังกฤษ ที่ซึ่งพระมหากษัตริย์อังกฤษจะพระราชทานให้ในรูปของการปูนบำเหน็จอยู่เสมอ ไม่ใช่การได้รับพระยศโดยอัตโนมัติหลังทรงประสูติ

พระราชโอรสในพระมหากษัตริย์แห่งฝรั่งเศสจะดำรงบรรดาศักดิ์ในชั้น ราชโอรสแห่งฝรั่งเศส (ฝรั่งเศส: Fils de France; ฟิสเดอฟร็องส์) ในขณะที่พระนัดดาสายพระโอรสของกษัตริย์จะดำรงบรรดาศักดิ์ในชั้น ราชนัดดาแห่งฝรั่งเศส ส่วนพระโอรส-ธิดาและพระนัดดาในโดแฟ็งแห่งฝรั่งเศสจะทรงบรรดาศักดิ์ในชั้นที่สูงกว่า ซึ่งจะทรงได้รับการปรณนิบัติเทียบเท่าพระราชโอรส-ธิดาและพระราชนัดดาของพระมหากษัตริย์ฝรั่งเศสตามลำดับ เช่น พระโอรสของโดแฟ็งซึ่งเป็นพระราชนัดดาในองค์กษัตริย์ (พระมหากษัตริย์เป็นพระบิดาของโดแฟ็ง โดแฟ็งเป็นพระบิดาของพระโอรสพระองค์นั้น) จะทรงบรรดาศักดิ์เป็นราชโอรสแห่งฝรั่งเศสเทียบเท่าบรรดาพระปิตุลา (ลุง, อา) พระมาตุจฉา (ป้า, น้า) แม้ในความเป็นจริงแล้วจะต้องทรงบรรดาศักดิ์เพียงแค่พระราชนัดดาก็ตาม ส่วนพระนัดดาของโดแฟ็ง (พระราชปนัดดาในพระมหากษัตริย์) ก็จะทรงบรรดาศักดิ์เป็นราชนัดดาแห่งฝรั่งเศส แม้ในความเป็นจริงแล้วจะต้องทรงบรรดาศักดิ์เพียงแค่พระราชปนัดดาเท่านั้น ในขณะที่พระราชปนัดดาในพระมหากษัตริย์พระองค์อื่น ๆ จะทรงบรรดาศักดิ์เป็นเพียง เจ้าชายสืบสายพระโลหิต (ฝรั่งเศส: Prince du sang; แพร็งส์ดูว์ซ็อง)

อิสริยยศโดแฟ็งแห่งฝรั่งเศสถูกยกเลิกโดยรัฐธรรมนูญฝรั่งเศส ค.ศ. 1791 ซึ่งนิยามฝรั่งเศสให้เป็นประเทศราชาธิปไตยใต้รัฐธรรมนูญ และภายใต้รัฐธรรมนูญใหม่นี้ได้นิยามให้รัชทายาทผู้สืบราชบัลลังก์ฝรั่งเศส (ในขณะนั้นคือ โดแฟ็งหลุยส์-ชาร์ล) เปลี่ยนพระยศไปเป็น ราชกุมาร (ฝรั่งเศส: Prince royale; แพร็งส์รัวยาล) ส่วนเจ้าชายสืบสายพระโลหิตถูกเปลี่ยนพระยศไปเป็น เจ้าชายฝรั่งเศส (ฝรั่งเศส: Prince français; แพร็งส์ฟร็องแซ) การเปลี่ยนแปลงถูกประกาศรับรองโดยสภานิติบัญญัติและมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 ตุลาคม ค.ศ. 1791 ต่อมาเมื่อมีการฟื้นฟูราชวงศ์บูร์บงขึ้น และพระเจ้าหลุยส์ที่ 18 เสด็จขึ้นครองราชย์ พระยศโดแฟ็งก็ถูกนำกลับมาใช้อีกครั้ง อย่างไรก็ดีในช่วงรัชสมัยดังกล่าวกลับไม่มีผู้ได้ดำรงพระยศโดแฟ็งไปจนกระทั่งพระเจ้าหลุยส์ที่ 18 เสด็จสวรรคต ต่อมาด้วยการเสด็จขึ้นครองราชย์ของพระอนุชาในพระเจ้าหลุยส์ที่ 18 ซึ่งก็คือ พระเจ้าชาร์ลที่ 10 พระโอรสของพระเจ้าชาร์ลนามว่า หลุยส์-อ็องตวน ดยุกแห่งอ็องกูแลม ผู้เป็นรัชทายาทโดยตรง จึงได้ทรงพระยศโดแฟ็งโดยอัตโนมัติ

ต่อมาเมื่อพระเจ้าชาร์ลที่ 10 ทรงสละราชสมบัติและพระโอรสของพระองค์ก็ทรงปฏิเสธที่จะขึ้นครองราชย์ ทำให้ราชวงศ์บูร์บงพ้นจากการปกครองฝรั่งเศส ตำแหน่งนี้ก็ถูกล้มเลิกไปอีกครั้ง (รัชทายาทของพระเจ้าหลุยส์-ฟิลิปป์ที่ 1 กษัตริย์แห่งฝรั่งเศสพระองค์ต่อมา ทรงบรรดาศักดิ์เป็น "ราชกุมาร") ในภายหลังพระยศโดแฟ็งยังถูกใช้โดยเชื้อพระวงศ์บูร์บงในสเปนในฐานะผู้อ้างสิทธิในราชบัลลังก์สเปนสายสืบสิทธิโดยนิติธรรมอีกด้วย