align="center" cellspacing="3" style="border: 1px solid #C0C090; background-color: #F8EABA; margin-bottom: 3px;" colspan="2"Propane
[1]−187.7 °C; −305.8 °F; 85.5 K −42.25 to −42.04 °C; −44.05 to −43.67 °F; 230.90 to 231.11 K
โพรเพน (
อังกฤษ: propane) เป็น
สารประกอบอินทรีย์ที่มีสูตรเคมี C3H8 ลักษณะเป็นแก๊สไม่มีสี ไม่มีกลิ่น มีความไวไฟสูง สามารถบีบอัดให้เป็นของเหลวเพื่อใช้ขนส่งได้ ค้นพบโดย
มาร์เซลแล็ง แบร์เธโลในปี ค.ศ. 1857
[4] และถูกพบในน้ำมันดิบความหนาแน่นต่ำโดย
เอดมันด์ โรนัลส์ในปี ค.ศ. 1864
[5] ชื่อโพรเพนมาจาก
กรดโพรพิโอนิก ซึ่งมีรากศัพท์มาจากคำภาษากรีกโบราณสองคำคือ πρῶτος (prôtos) แปลว่า แรก และ πίων (píōn) แปลว่า ไขมัน
[6]โพรเพนเป็นสาร
ไฮโดรคาร์บอนชนิด
แอลเคนที่มีคาร์บอน 3 อะตอมเชื่อมต่อกันด้วยพันธะเดี่ยว โพรเพนมีโครงสร้างเป็นโซ่ตรง ทำให้มีพื้นที่ผิวสัมผัสระหว่างโมเลกุลมาก ส่งผลให้มีแรงระหว่างโมเลกุลมากตามไปด้วย การมีแรงระหว่างโมเลกุลมากทำให้ต้องใช้พลังงานในการสลายแรงดังกล่าวของโพรเพนมากกว่าแอลเคนที่มีโมเลกุลน้อยกว่าอย่าง
มีเทนและ
อีเทน[7][8] นอกจากนี้ยังเป็นสารไม่มีขั้วเนื่องจากอะตอม
ไฮโดรเจนและ
คาร์บอนมีค่า
อิเล็กโตรเนกาทิวิตีใกล้เคียงกัน จึงไม่เกิดโมเมนต์ขั้วคู่ (dipole moment) ส่งผลให้โพรเพนไม่ละลายน้ำ แต่ละลายในตัวทำละลายมีขั้ว เช่น
เฮกเซน เบนซีน โทลูอีน และ
คลอโรฟอร์ม[9] โพรเพนเป็นหนึ่งในสารที่พบใน
น้ำมันดิบและแก๊สธรรมชาติ และเป็นสารกลุ่มแรก ๆ ที่ถูกแยกออกเมื่อมีการกลั่นลำดับส่วนเนื่องจากมีจุดเดือดต่ำกว่าสารชนิดอื่น
[10]โพนเพนใช้เป็น
แก๊สเชื้อเพลิง และเป็น
แก๊สปิโตรเลียมเหลว (LPG) หรือแก๊สหุงต้มเมื่อผสมกับ
บิวเทนและสารไฮโดรคาร์บอนอื่น ๆ นอกจากนี้โพรเพนยังใช้เป็น
สารขับดัน สารทำความเย็น และเป็นสารตั้งต้นในการผลิต
โพรพีน ซึ่งเป็นวัตถุดิบหลักในอุตสาหกรรมพลาสติก
[11][12] โพรเพนเป็น
สารระเหยที่เมื่อสูดดมเข้าไปจะทำให้ปวดศีรษะ เวียนศีรษะ คลื่นไส้ อ่อนแรง หมดสติและอาจเสียชีวิตจาก
ภาวะขาดอากาศหายใจ[13][14]