โรคออทิซึม (
อังกฤษ: Autism) เป็นความผิดปกติในการเจริญของ
ระบบประสาท โดยมีลักษณะเด่นคือความบกพร่องด้าน
ปฏิสัมพันธ์ทางสังคมและ
การสื่อสาร และมีพฤติกรรมทำกิจกรรมบางอย่างซ้ำ ๆ ผู้ป่วยที่เป็นโรคนี้มักเรียกกันว่า
ผู้ป่วยออทิสติก อาการแสดงดังกล่าวมักปรากฏในวัยเด็กก่อนอายุ 3 ปี
[6] นอกจากนี้ยังมีความบกพร่องด้านสังคมและการสื่อสารที่จัดในกลุ่มใกล้เคียงโรคออทิซึม เรียกว่า
Autism spectrum disorder (ASD) อาทิ
กลุ่มอาการแอสเพอร์เกอร์ (Asperger syndrome) ที่มีอาการและอาการแสดงน้อยกว่า
[4]โรคออทิซึมมีความเกี่ยวข้องกับพันธุกรรมอย่างมาก แม้ว่าการถ่ายทอดทางพันธุกรรมจะมีความซับซ้อนและยังไม่สามารถอธิบายกลุ่มอาการ ASD ได้จากปฏิสัมพันธ์หลายยีนหรือ
การกลายพันธุ์[7] ผู้ป่วยจำนวนน้อยพบว่ามีความเกี่ยวข้องกับ
สารก่อวิรูป (สารที่ก่อให้เกิดความผิดปกติแต่กำเนิด)
[8] บางแหล่งข้อมูลเสนอสาเหตุของโรคออทิซึมไว้หลากหลาย เช่น การให้
วัคซีนในวัยเด็ก ซึ่งเป็นที่ถกเถียงกันในปัจจุบัน และสมมติฐานดังกล่าวยังขาดหลักฐานที่เชื่อถือได้ทางวิทยาศาสตร์
[9] ความชุกของกลุ่มอาการ ASD เกิดราว 6 ใน 1,000 คน และเป็นในเด็กชายเป็น 4 เท่าของเด็กหญิง จำนวนผู้ป่วยที่ป่วยด้วยโรคออทิซึมพบว่าเพิ่มขึ้นอย่างมากตั้งแต่ทศวรรษที่ 1980 ทั้งนี้บางส่วนเนื่องจากการเปลี่ยนวิธีการวินิจฉัย แต่ความชุกแท้จริงเพิ่มขึ้นหรือไม่นั้นยังไม่เป็นที่ทราบ
[10]ผู้ป่วยโรคออทิซึมมีความผิดปกติที่หลายส่วนของ
สมองซึ่งยังไม่ทราบสาเหตุ ผู้ปกครองมักสังเกตอาการผู้ป่วยได้ในช่วงอายุ 2 ขวบปีแรก แม้ว่าการบำบัดด้วยพฤติกรรมและการรับรู้โดยนักกายภาพบำบัดและนักจิตวิทยาคลินิกตั้งแต่เยาว์วัยจะช่วยพัฒนาให้ผู้ป่วยดูแลตนเอง มีทักษะด้านสังคมและการสื่อสารได้ แต่การรักษาที่แท้จริงยังไม่เป็นที่ทราบ
[4] เด็กที่ป่วยด้วยโรคนี้น้อยรายที่สามารถใช้ชีวิตได้อย่างอิสระหลังเข้าสู่วัยผู้ใหญ่ แต่ก็มีบางส่วนที่ประสบความสำเร็จ
[11]อย่างไรก็ตามพบว่าคนที่เป็นโรคออทิซึมได้รับการปฏิเสธจากสังคมอย่างมากจนเป็นสาเหตุของการใช้ความรุนแรงในการใช้อาวุธปืนฆ่าคนอื่น
[12]