ปัจจุบันเป็นที่ทราบกันดีว่า มะเร็งตับนั้นส่วนใหญ่จะพบในผู้ที่มีปัจจัยเสี่ยงและปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญที่สุดก็คือการติดเชื้อ
ไวรัสตับอักเสบและหนึ่งในนั้นก็คือ ไวรัสตับอักเสบซี
ใครบ้างที่มีปัจจัยเสี่ยงในการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบซี1. ผู้ที่ฉีด
ยาเสพติดเข้าเส้น
เลือด และการใช้เข็มฉีดยาร่วมกัน2. การรับเลือดและส่วนประกอบของเลือดก่อนปี 2532 3. การสักตาม
ผิวหนังแบบไม่สะอาด การเจาะ
หูแบบไม่สะอาด 4. การฟอกเลือดในผู้ป่วย
ไตวายเรื้อรัง 5. การผ่าตัดปลูกถ่าย
อวัยวะ6. การมี
เพศสัมพันธ์กับผู้มีเชื้อไวรัสซี (พบได้น้อย)7. บุตรได้รับจากมารดาโดยตรงจาก
การตั้งครรภ์(พบได้น้อย) อย่างไรก็ตามมีผู้ป่วยที่ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบซีอีก 40% ซึ่งไม่สามารถทราบได้ว่าได้รับเชื้อมาจากสาเหตุใด (SPORADIC CASE) ปัจจุบันพบว่าทั่วโลกมีการติดเชื้อไวรัสซีมากกว่า 100 ล้านคนทั่วโลก และในประเทศไทยพบว่ามีการติดเชื้อไวรัสซี 1-2% ของประชากรไทยความสำคัญของไวรัสตับอักเสบซี เมื่อมีการติดเชื้อไวรัส
ตับอักเสบซีแล้วพบว่า 50-90% ของผู้ป่วยจะกลายเป็นไวรัสตับอักเสบซี เรื้อรัง ซึ่งต่างกับไวรัสตับอักเสบบี ซึ่งจะมีโอกาสกลายเป็นตับอักเสบเรื้อรัง 5% เมื่อได้รับเชื้อในวัยผู้ใหญ่ และพบว่าผู้ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบซีที่มีตับแข็งร่วมด้วย มีโอกาสมีชีวิตอยู่รอดใน 10 ปีเพียง 35% เท่านั้น และไวรัสตับอักเสบซียังเป็นสาเหตุสำคัญของการเป็นมะเร็งตับเมื่อไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกต้อง