องค์ประกอบทางดนตรีและซิงเกิล ของ ไฮบริดทีโอรี

ดนตรีของอัลบั้ม ไฮบริดทีโอรี นำมาจากแรงบันดาลใจที่หลากหลาย สไตล์การร้องเพลงของเชสเตอร์ได้รับอิทธิพลมาจากศิลปินต่าง ๆ เช่น ดีเพชเชโมด และ สโตนเทมเพิลไพล็อตส์[13] ลักษณะและเทคนิคการเล่นของมือกีตาร์ แบรด เดลสัน นำแบบอย่างมาจาก เดฟโทนส์, กันส์แอนด์โรสเซส,[14] ยูทู และ เดอะสมิธส์[13] ส่วนการ้องแร็ปของไมค์ ชิโนะดะ ตัวอย่างเช่นแทร็กที่เจ็ดในอัลบั้ม "บายมายเซลฟ์" มีลักษณะคล้ายกับ เดอะรูตส์ เป็นอย่างมาก เนื้อหาของเพลงในอัลบั้มมีส่วนเกี่ยวข้องกับปัญหาที่เชสเตอร์ได้ประสบพบเจอในวัยเด็กของเขา รวมไปถึงการทารุณกรรมเด็ก ปัญหาการเสพสารเสพติดและการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อย่างต่อเนื่อง[13] การหย่าร้างของพ่อแม่ของเขา การแตกแยกออกจากสังคม[22] ความผิดหวัง และผลสุดท้ายของความรู้สึก ในเรื่องความสัมพันธ์ที่เคยได้ไว้วางใจกัน แต่กลับล้มเหลวในภายหลัง[23]

อัลบั้มนี้ได้ผลิตซิงเกิลออกมาทั้งหมด 4 เพลง ได้แก่ "วันสเต็ปโคลสเซอร์" เป็นเพลงลำดับที่สองในอัลบั้ม และเป็นซิงเกิลแรก เป็นเพลงที่มีการริฟกีตาร์ และมีเสียงกลองหรือเพอร์คัชชันอิเล็กทรอนิกส์ในช่วงอินโทร และช่วงเข้าสู่ท่อนบริดจ์ ด้วยเสียงกีตาร์ที่หนักแน่นและเสียงกลองที่ดุดัน[24] เพลงนี้ยังมีส่วนที่น่าสนใจในช่วงที่ร้องว่า "Shut up when I'm talkin' to you!" ซึ่งเป็นท่อนตะโกนร้องของเชสเตอร์ ด้วยความยาว 1 นาที 48 วินาที[24] มิวสิกวิดีโอของเพลง "วันสเต็ปโคลสเซอร์" ถ่ายทำที่ทางรถไฟใต้ดิน ที่ลอสแอนเจลิส[25] โดยได้เป็นเพลงที่เป็นที่รู้จักโดยทันที และได้ออกอากาศในเอ็มทีวี และเครือข่ายช่องโทรทัศน์เพลงอื่น ๆ[14] และมีตัวแทนมือเบส สกอตต์ โคซิโอล ได้มาแสดงดนตรีให้เห็นในมิวสิกวิดีโอ[25]

ตัวอย่างเพลง 41 วินาทีของเพลง "เปเปอร์คัต" ซิงเกิลที่ 3 จากไฮบริดทีโอรี เพลงที่อธิบายถึงความหวาดระแวง เพลงนี้แสดงการแร็ปของไมค์ ชิโนะดะในท่อนนี้ ตลอดจนท่อนคอรัสของเชสเตอร์ เบนนิงตัน ที่ร้องค่อนข้างเป็นแร็ป

ตัวอย่างเพลง 30 วินาทีของเพลง "ครอว์ลิง" ซิงเกิลที่ 2 จากไฮบริดทีโอรี เพลงที่มีเนื้อเพลงมุ่งเน้นในเรื่องประสบการณ์ของเชสเตอร์ ในส่วนการทารุณกรรมเด็กในช่วงวัยรุ่นของเขา

ตัวอย่างของเพลง "อินดิเอ็นด์" ซิงเกิลสุดท้ายจากไฮบริดทีโอรี เพลงนี้เริ่มต้นด้วยเสียงเปียโนที่เป็นที่โดดเด่น และมีการแร็ปของไมค์ในท่อนแรกของเพลง

หากมีปัญหาในการเล่นไฟล์เหล่านี้ ดูที่ วิธีใช้สื่อ

ซิงเกิลที่ 2 คือ "ครอว์ลิง" เป็นเพลงที่มีความหมายมุ่งเน้นไปที่ประสบการณ์ส่วนตัวของเชสเตอร์ ในส่วนของการทารุณกรรมเด็ก ในด้านความรุนแรงทางร่างกาย ความยากลำบากในการออกจากวังวนของปัญหา และการสูญเสียที่ตามมาของการเชื่อถือตนเอง การสะท้อนแนวคิดนี้ได้แสดงออกมาทางมิวสิกวิดีโอของเพลงนี้ โดยหญิงสาวคนหนึ่ง (แสดงโดย เคตลิน โรซาเซน) ถูกทำร้ายโดยพ่อของเธอ โดยเห็นได้ในช่วงเริ่มวิดีโอ ซึ่งมีรอยฟกช้ำที่มองเห็นได้ชัด[26]

เพลง "เปเปอร์คัต" เป็นซิงเกิลที่ 3 ของอัลบั้มนี้ มีเนื้อเพลงที่อธิบายถึงความหวาดระแวง มิวสิกวิดีโอของเพลง "เปเปอร์คัต" แสดงให้เห็นลิงคินพาร์กเล่นดนตรีในห้องโถงที่อยู่ตรงข้ามกับห้องมืดสนิท โดยมีผนังกั้นระหว่างกลาง ซึ่งเป็นการอธิบายความหมายของเพลงนี้ ความเป็นเหนือธรรมชาติต่าง ๆ ได้แสดงให้เห็นในมิวสิกวิดีโอ และมีเอฟเฟ็กพิเศษที่ใช้ในการสร้างให้น่าขนลุก เช่น "นิ้วยืดได้" ของไมค์ ชิโนะดะ และ "หน้าบูดเบี้ยว" ของร็อบ บัวร์ดอน[27]

ซิงเกิลที่ 4 จากอัลบั้ม ไฮบริดทีโอรี คือเพลง "อินดิเอ็นด์" ซึ่งเป็นที่เด่นชัดคือมีเสียงเปียโนที่เล่นโดยไมค์ และท่อนแร็ปของเขาที่อยู่ในท่อนแรกของเพลง และมีเสียงร้องเชสเตอร์มาร่วมด้วยในท่อนคอรัส แนวคิดของเพลงมาจากความล้มเหลวของคนคนหนึ่ง และเครื่องหมายของความสัมพันธ์ที่สิ้นสุดลง มิวสิกวิดีโอของเพลง "อินดิเอ็นด์" ได้ถ่ายทำในที่ต่าง ๆ พร้อมกับทัวร์ออซซ์เฟสต์ปี พ.ศ. 2554 และกำกับโดย นาธาน "คาร์มา" ค็อกซ์ และโจ ฮาห์น ดีเจของลิงคินพาร์ก คนที่กำกับมิวสิกวิดีโอหลาย ๆ วิดีโอให้ลิงคินพาร์ก (สองคนนี้ได้กำกับมิวสิกวิดีโอของเพลง "เปเปอร์คัต")[28][29] เบื้องหลังของวิดีโอเพลง "อินดิเอ็นด์" ได้ถ่ายทำที่ทะเลทรายในแคลิฟอร์เนีย และถ่ายทำการแสดงดนตรีของวงที่สตูดิโอในลอสแอนเจลิส ด้วยเอฟเฟ็กส์อันโดดเด่นจากภาพที่คอมพิวเตอร์สร้างขึ้น มิวสิกวิดีโอได้ชนะในงานประกาศผลรางวัลเอ็มทีวีวิดีโอมิวสิกอะวอดส์ ประจำปี พ.ศ. 2545 สาขาวิดีโอเพลงร็อกยอดเยี่ยม[30]

เพลง "พอยส์ออฟออทอริตี" เป็นเพลงลำดับที่ 4 ในอัลบั้ม มีมิวสิกวิดีโอรวมอยู่ในผลงานดีวีดีชุดแรกของวง แฟรตปาร์ตีแอตเดอะแพนเค้กเฟสติวัล ร็อบ บัวร์ดอน มือกลองของวง อธิบายถึงกระบวนการบันทึกของเพลงนี้ว่า "แบรดแต่งริฟ แล้วก็ให้ไมค์นำมาตัดต่อลงในคอมพิวเตอร์ ทำให้แบรดต้องเรียนรู้ในส่วนของเขาจากคอมพิวเตอร์" ในเรื่องของเพลง แบรดได้ยกย่องทักษะของไมค์ และบอกว่าเขาเป็น "อัจฉริยะ" และ "มีความสามารถเหมือนเทรนต์ เรซเนอร์"[13] ในการแสดงสดของเพลงนี้ เมื่อไมค์แร็ปเนื้อเพลงที่ว่า "Forfeit the game" เป็นครั้งที่ 3 ของเพลง เชสเตอร์จะแร็ปท่อนนี้ไปพร้อมกับไมค์ด้วย

แหล่งที่มา

WikiPedia: ไฮบริดทีโอรี http://www.capif.org.ar/Default.asp?PerDesde_MM=0&... http://austriancharts.at/showitem.asp?interpret=Li... http://www.ifpi.at/?section=goldplatin http://www.aria.com.au/pages/ARIACharts-Accreditat... http://www.ultratop.be/fr/showitem.asp?interpret=L... http://www.ultratop.be/nl/certifications.asp?year=... http://www.ultratop.be/nl/showitem.asp?interpret=L... http://www.billboard.biz/bbbiz/charts/decadeendcha... http://abpd.org.br/certificados_interna.asp?sArtis... http://jam.canoe.ca/Music/Artists/L/Linkin_Park/Al...