กษัตริย์อาเธอร์ (
อังกฤษ: King Arthur) เป็นกษัตริย์
อังกฤษผู้มีชื่อเสียงโด่งดังในตำนานเล่าขานในฐานะวีรบุรุษใน
ยุคกลาง ซึ่งได้ปกป้อง
เกาะบริเตนจากการรุกรานของ
ชาวแซกซันในช่วงปลาย
คริสต์ศตวรรษที่ 5ถึงต้น
คริสต์ศตวรรษที่ 6 รายละเอียดส่วนใหญ่เกี่ยวกับกษัตริย์อาเธอร์ปรากฏอยู่ในเรื่องเล่าขาน ตำนานพื้นบ้าน และวรรณกรรมที่แต่งขึ้น นักประวัติศาสตร์ยังคงถกเถียงกันอยู่ว่ากษัตริย์อาเธอร์มีตัวตนอยู่ในประวัติศาสตร์จริงหรือไม่
[2] เรื่องราวทางประวัติศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับอาเธอร์ค่อนข้างกระจัดกระจายอยู่ตามแหล่งข้อมูลต่าง ๆ เช่น Annales Cambriae, Historia Brittonum และในบันทึกของ
นักบุญกิลแดส นอกจากนี้ชื่อของ อาเธอร์ ยังปรากฏอยู่ในบทกวีเก่าแก่หลายแห่ง เช่นในกวีนิพนธ์ Y Gododdin เป็นต้น
[3][4][5]กษัตริย์อาเธอร์ในตำนานได้พัฒนาขึ้นจนกลายเป็นบุคคลที่น่าสนใจในระดับนานาชาติก็ด้วยผลงานเขียนอันเปี่ยมด้วยจินตนาการและความเหนือจริงของ
เจฟฟรีย์แห่งมอนมัท ในคริสต์ศตวรรษที่ 12 เรื่อง Historia Regum Britanniae (ประวัติกษัตริย์แห่งบริเตน)
[6] แต่ก็มีนิทานและกวีนิพนธ์ของเวลส์และไบรตันหลายเรื่องที่เกี่ยวข้องกับกษัตริย์อาเธอร์ และมีอายุเก่าแก่กว่างานชิ้นดังกล่าว ในงานเหล่านั้น อาเธอร์เป็นทั้งนักรบผู้ยิ่งใหญ่ผู้ปกป้องบริเตนไว้จากศัตรูทั้งที่เป็นมนุษย์และสิ่งเหนือมนุษย์ บางครั้งก็เป็นผู้วิเศษในตำนานพื้นบ้าน ทั้งมีเรื่องเล่าถึงโลกหลังความตายในตำนานเวลส์ (คือ Annwn) ด้วย
[5][7] แต่ไม่อาจสรุปได้ว่าผลงานของเจฟฟรีย์ (ซึ่งเขียนเสร็จในปี ค.ศ. 1138) ได้ดัดแปลงมาจากตำนานเก่าแก่ดั้งเดิมเหล่านั้นมากน้อยเพียงใดทั้งโครงเรื่อง เหตุการณ์ และบุคลิกของกษัตริย์อาเธอร์ รวมถึงบุคคลต่าง ๆ ในตำนานอาเธอร์ ได้เปลี่ยนแปลงไปเรื่อย ๆ ในวรรณกรรมของแต่ละยุคโดยที่ไม่มีเรื่องใดสอดคล้องต้องกันอย่างสมบูรณ์ แต่งานเขียนฉบับของเจฟฟรีย์ถือได้ว่าเป็นจุดเริ่มต้นของวิวัฒนาการของตำนานในยุคต่อ ๆ มา เจฟฟรีย์พรรณนาภาพของอาเธอร์เป็นกษัตริย์แห่งบริเตนผู้ต่อสู้ต้านทานการรุกรานของพวกแซกซัน และก่อร่างสร้างอาณาจักรแห่งบริเตน
ไอร์แลนด์ ไอซ์แลนด์ นอร์เวย์ และ
กอล องค์ประกอบต่าง ๆ จนแม้เหตุการณ์ที่ปรากฏอยู่ในวรรณกรรมเกี่ยวกับอาเธอร์ในชั้นหลังล้วนเคยปรากฏอยู่ใน Historia ของเจฟฟรีย์มาก่อนทั้งนั้น เช่น
ยูเทอร์ เพนแดรกอน ผู้เป็นบิดาของอาเธอร์
พ่อมดเมอร์ลิน ดาบเอกซ์แคลิเบอร์ กำเนิดของอาเธอร์ที่ทินแทเจล การรบครั้งสุดท้ายกับ
มอร์เดร็ดที่คัมลานน์ รวมถึงการผ่อนพักในบั้นปลายที่
แอวาลอน นักเขียนชาวฝรั่งเศสในยุคคริสต์ศตวรรษที่ 12 ชื่อ
เครเตียง เดอ ทรัว เป็นผู้เพิ่มบทบาทของ
ลานเซลอตและ
จอกศักดิ์สิทธิ์เข้าไปในตำนาน และริเริ่มเรื่องราวเชิง
โรแมนซ์ของอาเธอร์ซึ่งต่อมากลายเป็นแก่นของวรรณกรรมในยุคกลาง ในงานเขียนภาษาฝรั่งเศสชุดนี้ จุดหลักของเรื่องมักจะเคลื่อนไปจากตัวอาเธอร์ ไปยังตัวละครอื่น ๆ ในเรื่อง เช่นบรรดา
อัศวินโต๊ะกลมทั้งหลาย เป็นต้น วรรณกรรมเกี่ยวกับอาเธอร์เป็นที่นิยมมาตลอดยุคกลาง และค่อย ๆ เสื่อมความนิยมลงไปเมื่อผ่านไปหลายศตวรรษ วรรณกรรมอาเธอร์ได้รับความนิยมกลับคืนมาอีกครั้งเมื่อเข้าสู่คริสต์ศตวรรษที่ 19 และยืนยงอยู่มาตลอดจนถึงศตวรรษที่ 21 ได้รับการดัดแปลงไปยังสื่อต่าง ๆ ทั้งในส่วนของงานวรรณกรรมเอง หรือดัดแปลงไปเป็น
ภาพยนตร์ ละครโทรทัศน์ ละครวิทยุ การ์ตูน และสื่ออื่น ๆ อีกมากมาย