สงครามมิทริเดทีส เป็นความขัดแย้งสามครั้งระหว่าง
สาธารณรัฐโรมันกับ
พระเจ้ามิทริเดทีสที่ 6 กษัตริย์แห่ง
ราชอาณาจักรพอนตัสที่ครอบครองพื้นที่รอบ
ทะเลดำ สงครามครั้งนี้เกิดขึ้นระหว่าง 88–63 ปีก่อนคริสตกาล มูลเหตุมาจากพระเจ้ามิทริเดทีสผนวก
มณฑลเอเชียของโรมันเข้ากับอาณาจักรของพระองค์ ตามด้วยการสังหารหมู่
เอเชียติกเวสเปอร์ หรือชาวโรมันที่อาศัยอยู่ในหลายเมืองในอานาโตเลีย
[1] สงครามมิทริเดทีสครั้งที่หนึ่งจึงอุบัติขึ้นเมื่อโรมส่งกองทัพมายึดดินแดนคืน แม้จะต้องเผชิญกับการลุกฮือในกรีซและดินแดนอื่น ๆ โดยมีพระเจ้ามิทริเดทีสหนุนหลัง และความขัดแย้งภายในโรมระหว่างฝ่าย
ออปติเมตส์กับ
ปอปปูเลรีส[2] แต่สงครามครั้งแรกที่เริ่มขึ้นใน 88 ปีก่อนคริสตกาลจบลงด้วยชัยชนะของโรม ทั้งสองฝ่ายลงนามใน
สนธิสัญญาดาร์ดานอส ซึ่งระบุให้เขตแดนทั้งสองฝ่ายกลับไปเหมือนก่อนสงคราม
[3]เนื่องจากสนธิสัญญาดาร์ดานอสให้ผลประโยชน์ในเอเชียน้อยแก่โรมไม่มาก
ลูกิอุส ลิกินิอุส มูเรนา แม่ทัพโรมซึ่งได้รับคำสั่งให้ยึดดินแดนคืนจึงก่อ
สงครามครั้งที่สองใน 83 ปีก่อนคริสตกาล เมื่อทราบข่าวมูเรนารุกรานดินแดนของตน พระเจ้ามิทริเดทีสส่งแม่ทัพกอร์ดิอุสให้มายึดดินแดนคืนจนปะทะกับทัพโรมัน มูเรนาที่พ่ายแพ้หนีไป
ฟรีเจียและได้รับคำสั่งจากกงสุล
ซัลลาให้เลิกทัพเนื่องจากพระเจ้ามิทริเดทีสไม่ได้ละเมิดสนธิสัญญา สงครามครั้งที่สองจบลงใน 81 ปีก่อนคริสตกาลด้วยชัยชนะของพอนตัส และมูเรนาถอนทัพกลับโรม
[4]73 ปีก่อนคริสตกาล ทัพพระเจ้ามิทริเดทีสปะทะกับทัพโรมันที่นำโดยมาร์กุส เอาเรลิอุส กอตตาและได้รับชัยชนะใน
ยุทธการที่แคลซีดอน ยุทธการครั้งนี้เป็นการปะทะกันครั้งแรกใน
สงครามครั้งที่สาม[5] ครั้งนี้พระเจ้ามิทริเดทีสเป็นพันธมิตรกับ
สมเด็จพระเจ้าไทกราเนสมหาราชแห่งอาณาจักรอาร์มีเนียผู้มีกองทัพที่แข็งแกร่ง ด้านโรมส่งกงสุล
ลูกัลลัสเป็นผู้นำทัพ ลูกัลลัสประสบชัยชนะเหนือทัพพอนตัสและอาร์มีเนียในยุทธการที่คาบิราและไทกราโนเซอร์ตา แต่การรุกไปข้างหน้าหยุดชะงักหลังลูกัลลัสพ่ายในยุทธการที่อาร์ตาซาตาและเซลา อีกด้านหนึ่ง
ปอมปีย์ กงสุลโรมันอีกคนสามารถปราบโจรสลัดซีลีเชียที่สนับสนุนโดยพระเจ้ามิทริเดทีสได้สำเร็จ ทำให้ปอมปีย์ได้ขึ้นเป็นผู้นำทัพแทนลูกัลลัส
[6] ต่อมาปอมปีย์ร่วมมือกับ
พระเจ้าฟราอาเตสที่ 3 แห่ง
จักรวรรดิพาร์เธีย บุกพอนตัสและอาร์มีเนียจนสามารถยึดภูมิภาคเมดิเตอร์เรเนียนตะวันออกได้เกือบทั้งหมด
[7] สงครามครั้งนี้จบลงเมื่อพระเจ้าไทกราเนสยอมจำนนต่อโรม ด้านพระเจ้ามิทริเดทีสที่หลบหนีไปไครเมียเพื่อหวังจะตั้งทัพมาสู้กับโรมใหม่ประสบความล้มเหลว จึงพยายามกระทำอัตวินิบาตกรรมแต่ไม่สำเร็จ สุดท้ายพระเจ้ามิทริเดทีสสั่งให้ทหารปลงพระชนม์พระองค์
[8] หลังสงครามโรมได้อาณาจักรอาร์มีเนียของพระเจ้าไทกราเนสและอาณาจักร
ราชวงศ์แฮสโมเนียใน
ยูเดียมาเป็นรัฐบริวาร
[9] และรวมอาณาจักรพอนตัสเข้ากับ
บิธีเนีย กลายเป็นมณฑล
บิธีเนียและพอนตัส[10]