เมนูนำทาง
กรณีการตีความคำพิพากษาคดีปราสาทพระวิหาร คำร้องขอให้ตีความคำพิพากษากัมพูชาได้ยื่นคำร้องเป็นภาษาฝรั่งเศสความยาว 17 หน้า[5] มีใจความสำคัญดังนี้
กัมพูชาระบุว่าไทยมีข้อขัดแย้งต่อความหมายและขอบเขตของคำพิพากษาเดิมในประเด็นดังต่อไปนี้
กัมพูชาอธิบายต่อว่า แม้ไทยจะไม่โต้แย้งว่ากัมพูชามีอธิปไตยเหนือปราสาทพระวิหาร แต่เมื่อไทยโต้แย้งว่ากัมพูชาไม่มีอธิปไตยเหนือบริเวณโดยรอบและใกล้เคียงปราสาทพระวิหาร ย่อมถือว่าไทยโต้แย้งว่าเส้นเขตแดนที่ศาลได้ยอมรับไว้ตามคำพิพากษาเดิมนั้นไม่ถูกต้องทั้งหมด ซึ่งย่อมกระทบไปถึงบริเวณตัวปราสาทด้วยเช่นกัน
กัมพูชาจึงมีขอให้ศาลวินิจฉัยและสั่งว่า พันธกรณีที่ไทยต้องถอนกำลังทหารหรือกำลังตำรวจใด ๆ หรือเจ้าหน้าที่ยามหรือผู้เฝ้าดูแลอื่น ๆ ที่ไทยได้เคยให้ประจำอยู่ ณ ตัวปราสาทหรือบริเวณใกล้ตัวปราสาท (ตามบทปฏิบัติการข้อ 2 ของคำพิพากษาเมื่อ พ.ศ. 2505) เป็นผลโดยเฉพาะที่เกิดจากพันธกรณีอันทั่วไปและต่อเนื่องที่ไทยจะต้องเคารพบูรณภาพอาณาเขตของกัมพูชา โดยที่บริเวณตัวปราสาทและบริเวณใกล้เคียงในอาณาเขตดังกล่าวได้มีการปักปันโดยเส้นเขตแดนตามแผนที่ซึ่งศาลได้อ้างถึงในหน้า 21 ของคำพิพากษาเดิมอันศาลได้อาศัยเป็นฐานในการพิพากษา
ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศมีอำนาจพิจารณาคดีที่รัฐร้องขอให้ศาลตีความคำพิพากษาตามธรรมนูญศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ ข้อ 60 ซึ่งไทยและกัมพูชาต่างเป็นภาคี ประกอบกับระเบียบศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ ข้อ 98 โดยศาลจะอาศัยเพียงคำร้องของกัมพูชาฝ่ายเดียวเพื่อรับคดีไว้พิจารณาก็ได้ อย่างไรก็ดี เมื่อศาลได้รับคดีเข้าสู่สารบบความแล้ว ก่อนที่ศาลจะสามารถตีความคำพิพากษาเดิม ศาลจะต้องวินิจฉัยคำร้องของกัมพูชาเสียก่อนว่ามีเหตุแห่งคดีที่เข้าเงื่อนไขให้ตีความได้หรือไม่ ซึ่งหากพิจารณาจากแนววินิจฉัยในอดีตแล้ว[6] ศาลจะพิจารณาเงื่อนไขสองประการคือ
หากคำร้องไม่เข้าเงื่อนไขทั้งสอง ศาลก็จะพิพากษาว่าคำร้องดังกล่าวไม่สามารถนำไปสู่การตีความคำพิพากษาเดิมได้ อย่างไรก็ดีหากคำร้องบางส่วนหรือทั้งหมดเข้าเงื่อนไขดังกล่าว ศาลก็จะพิจารณาคำร้องส่วนดังกล่าวเพื่อตีความคำพิพากษาเดิม โดยการตีความจะปรากฏในคำพิพากษาฉบับใหม่
กระทรวงการต่างประเทศคาดว่าไทยจะต้องทำความเห็นเป็นลายลักษณ์อักษรให้ศาลภายในประมาณเดือนตุลาคม 2554 ซึ่ง คาดว่ากระบวนพิจารณาการตีความอาจจะแล้วเสร็จใน พ.ศ. 2555[7]
กษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า ฝ่ายไทยโต้แย้งประเด็นของกัมพูชา โดยยกธรรมนูญศาลโลกข้อ 60 มาอ้าง การตีความคำพิพากษาต้องเป็นเรื่องต่อเนื่องจากคดีหลัก คือ คดีปราสาทพระวิหาร และหากศาลตัดสินโดยใช้แผนที่เขตแดนของฝรั่งเศสจะทำให้เป็นการพิจารณาในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับเขตแดนซึ่งไม่อยู่ในอำนาจของศาล[8]
เมนูนำทาง
กรณีการตีความคำพิพากษาคดีปราสาทพระวิหาร คำร้องขอให้ตีความคำพิพากษาใกล้เคียง
กรณีการตีความคำพิพากษาคดีปราสาทพระวิหาร กรณีการเผยแพร่วีดิทัศน์บันทึกภาพโฟร์-มดขณะอาบน้ำ กรณีการรักษาแอชลีย์ กรณีการเรียกร้องให้บัญญัติคำว่าพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติไทยไว้ในรัฐธรรมนูญ กรณีกลิวิซ กรณีการเลี้ยงน้ำชาที่บอสตัน กรณีพิพาทพรมแดนไทย–กัมพูชา กรณีพิพาทอินโดจีน กรณีตากใบ กรณีพิพาทหมู่เกาะคูริลแหล่งที่มา
WikiPedia: กรณีการตีความคำพิพากษาคดีปราสาทพระวิหาร http://www.naewna.com/news.asp?ID=264633 http://www.icj-cij.org/docket/files/13/1935.pdf http://www.icj-cij.org/docket/files/140/14801.pdf http://www.icj-cij.org/docket/files/151/16471.pdf http://www.icj-cij.org/docket/files/151/16473.pdf http://www.icj-cij.org/docket/files/151/16480.pdf http://www.icj-cij.org/docket/files/151/16481.pdf http://www.icj-cij.org/docket/index.php?p1=3&p2=3&... http://www3.icj-cij.org/docket/files/151/16552.pdf http://www3.icj-cij.org/docket/files/151/16564.pdf