เปรียบเทียบการขายหุ้นกิจการโทรคมนาคมของตระกูลเบญจรงคกุล ของ กรณีตระกูลชินวัตรและดามาพงศ์ขายหุ้นกลุ่มบริษัทชินคอร์ป

บทความนี้ไม่มีการอ้างอิงจากแหล่งที่มาใด กรุณาช่วยปรับปรุงบทความนี้ โดยเพิ่มการอ้างอิงแหล่งที่มาที่น่าเชื่อถือ เนื้อความที่ไม่มีแหล่งที่มาอาจถูกคัดค้านหรือลบออก

ก่อนหน้านี้ เมื่อเดือนตุลาคม พ.ศ. 2548 ตระกูลเบญจรงคกุล โดยนายวิชัย-บุญชัย และ นางวรรณา จิรกิติ ได้ขายหุ้นในกิจการโทรคมนาคมไปเช่นกัน คือ หุ้นของบริษัท ยูไนเต็ดคอมมูนิเกชั่น อินดัสตรี จำกัด (มหาชน) (ยูคอม) บริษัทแม่ของบริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) (แทค) ซึ่งเป็นคู่แข่งสำคัญของเอไอเอส บริษัทลูกของชินคอร์ป โดยขายหุ้น จำนวน 173,331,750 หุ้น ในราคาหุ้นละ 53 บาท ให้กับบริษัท ไทยเทลโค โฮลดิ้งส์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทตั้งขึ้นเพื่อเป็นตัวแทนของ บริษัท เทเลนอร์ จากประเทศนอร์เวย์ โดยมีมูลค่าการขาย 9,186,582,750 ล้านบาท

เมื่อเปรียบเทียบกับกรณีของชินคอร์ป นอกจากมูลค่าที่แตกต่างกันกว่า 7 เท่าแล้ว มีลักษณะหลายประการคล้ายคลึงกันคือ ทั้ง 2 กรณี ต่างได้รับการยกเว้นภาษีรายได้จากการขายหุ้น และเป็นการขายหุ้นในลักษณะ "ยกล็อต" ในกระดานนักลงทุนรายใหญ่ และยังเป็นการซื้อหุ้นจากบุคคลธรรมดาไม่ใช่นิติบุคคล อย่างไรก็ตาม ความแตกต่างที่ทำให้เกิดประเด็นวิพากษ์วิจารณ์ในกรณีชินคอร์ปมากกว่า ก็คือ ยูคอมไม่ได้ดำเนินกิจการสื่อสารมวลชน และกิจการดาวเทียม ซึ่งเป็นสองกิจการที่อ่อนไหวต่อความมั่นคงของประเทศ นอกจากนี้ ผู้บริหารของยูคอมและคนสนิทก็ไม่ได้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง

ใกล้เคียง

กรณีตากใบ กรณีตระกุลชินวัตรและดามาพงศ์ขายหุ้นกลุ่มบริษัทชินคอร์ป กรณีการตีความคำพิพากษาคดีปราสาทพระวิหาร กรณีพิพาทพรมแดนไทย–กัมพูชา กรณีพิพาทอินโดจีน กรณีพิพาทหมู่เกาะคูริล กรณีสิ่งบันทึกวีดิทัศน์ศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2553 กรณีเรือคารีน เอ กรณีพิพาทอโยธยา กรณีพิพาทกู่เต็งนาโย่ง