กลุ่มอาการทารกในครรภ์ได้รับแอลกอฮอล์ (
อังกฤษ: fetal alcohol syndrome, FAS) เป็นชุดของความบกพร่องทางร่างกายและจิตใจที่เกิดกับ
ทารกใน
ครรภ์มารดาที่ดื่ม
แอลกอฮอล์เป็นปริมาณมากระหว่างตั้งครรภ์ แอลกอฮอล์สามารถผ่าน
รกไปถึงทารก ทำให้
การเจริญเติบโตช้าลง
น้ำหนักน้อย มีลักษณะเฉพาะเห็นได้จากใบหน้า
สมองและ
เซลล์ประสาทถูกทำลาย ซึ่งอาจทำให้มีปัญหาทางพฤติกรรมและทางจิตได้ รวมทั้งอาจทำให้เกิดความผิดปกติอื่นๆ ทางร่างกาย
[1][2][3][4] ผลกระทบสำคัญที่สุดของ FAS คือความเสียหายอย่างถาวรต่อ
ระบบประสาทส่วนกลาง โดยเฉพาะสมอง เซลล์สมองและโครงสร้างของสมองที่กำลังพัฒนาอาจมีการเจริญผิดรูป หรือหยุดชะงักลงเมื่อได้รับแอลกอฮอล์ขณะอยู่ในครรภ์ ซึ่งสามารถทำให้มีความพิการทางการนึกคิดและการทำงานของสมองได้ เช่น ความจำไม่ดี
สมาธิสั้น ก้าวร้าว ขาดเหตุผล และอาจนำไปสู่ปัญหาต่อเนื่อง เช่น เพิ่มความเสี่ยงของ
โรคทางจิต ติดยา เป็นต้น
[3][5] การได้รับแอลกอฮอล์ไม่ว่าระยะใดของการตั้งครรภ์ล้วนมีความเสี่ยงต่อพัฒนาการทางสมองทั้งสิ้น เพราะสมองมีการพัฒนาตลอดการตั้งครรภ์ไม่ว่าระยะใดๆ
[6]FAS เป็นสาเหตุที่พบบ่อยมากอย่างหนึ่งของ
ภาวะสติปัญญาบกพร่องในประเทศทางตะวันตก
[7][8] ความชุกของ FAS ในสหรัฐอเมริกาและยุโรปอยู่ที่ประมาณ 0.2-2 ใน 1000 การเกิดมีชีพ
[9][10] ทั้งนี้ไม่ควรสับสน FAS กับ
Fetal Alcohol Spectrum Disorder หรือ FASD (กลุ่มของโรคที่เกี่ยวข้องกับทารกในครรภ์ได้รับทางแอลกอฮอล์ ที่มีลักษณะความรุนแรงหลากหลาย (เป็น spectrum) ) ซึ่งนับรวมโรคหลายโรครวมถึง FAS ด้วย กลุ่มโรคนี้ทั้งหมดพบได้ 1% ของการเกิดมีชีพในสหรัฐอเมริกา (ประมาณ 10 ใน 1000 การเกิดมีชีพ)
[11][12][13][14] ประมาณการณ์กันว่าในการดูแลผู้ป่วย FAS คนหนึ่งตลอดชีวิต จะมีค่าใช้จ่ายทั้งด้านการแพทย์และด้านสังคมสูงสุดถึง 800,000 เหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 25 ล้านบาท)
[15] ผลสำรวจผู้ตั้งครรภ์ในสหรัฐอเมริกาพบว่าผู้
ตั้งครรภ์ 10-15% ยังดื่มแอลกอฮอล์อยู่ และเกือบ 30% เคยดื่มแอลกอฮอล์อย่างน้อยครั้งหนึ่งระหว่างตั้งครรภ์
[16][17] ปัจจุบัน Surgeon General of the United States, British Department of Health และ Australian Government National Health and Medical Research Council แนะนำตรงกันว่าผู้ตั้งครรภ์ควรงดดื่มแอลกอฮอล์เด็ดขาดตลอดการตั้งครรภ์
[18][19][20][21]