กะหล่ำดอกเจดีย์ หรือ
กะหล่ำเจดีย์ (
ชื่อวิทยาศาสตร์: Brassica oleracea var. Botrytis) คือ
กะหล่ำดอกอิตาลีพันธุ์หนึ่ง (ตรงกันข้ามกับความเชื่อที่ว่าเป็นลูกผสมระหว่างกะหล่ำดอกกับ
บรอกโคลี) เมื่อเทียบกับกะหล่ำดอกแบบดั้งเดิม กะหล่ำพันธุ์นี้จะมีเนื้อสัมผัสแน่นกว่าและมีรสชาติละเอียดอ่อนกว่า แม้จะมีกะหล่ำดอกสีม่วงและสีเหลือง แต่ก็ไม่มีกะหล่ำดอกพันธุ์ใดที่มีรูปทรงเฉพาะตัวอย่างกะหล่ำดอกเจดีย์
[1]เริ่มมีการเพาะปลูกกะหล่ำดอกเจดีย์ใน
ยุโรปอย่างน้อยตั้งแต่
สมัยใหม่ตอนปลายซึ่งอาจจะเป็นที่
อิตาลีในช่วงครึ่งแรกของคริสต์ศตวรรษที่ 19 เมื่อ ค.ศ. 1834
จูเซปเป โจอากีโน เบลลี กวีชาวอิตาลี กล่าวถึงผักชนิดนี้ในบทกวีบทหนึ่งเป็น
ภาษาอิตาลีถิ่นโรม (คนละภาษากับ
ภาษาอิตาลีมาตรฐาน) จึงเป็นที่มาของชื่อเรียกกะหล่ำพันธุ์นี้ว่า กะหล่ำดอกโรม หรือ บรอกโคลีโรม (
อิตาลี: broccolo romanesco)
[2]เช่นเดียวกับผักชนิดอื่น ๆ ใน
วงศ์ผักกาด กะหล่ำดอกเจดีย์อุดมไปด้วย
ใยอาหารชนิดละลายน้ำและสารอาหารต่าง ๆ เช่น
วิตามินซี วิตามินเค โพแทสเซียม ฟอสฟอรัส กรดโฟลิก แคโรทีนอยด์ เป็นต้น
[3] นิยมนำมารับประทานโดยต้มหรือนึ่งจนสุก แต่อาจรับประทานเป็นผักสดก็ได้
[1]ลักษณะที่โดดเด่นที่สุดอย่างหนึ่งของกะหล่ำดอกเจดีย์คือกระจุกดอกที่แตกตัวออกเป็น
สาทิสรูป (แฟร็กทัล) จำนวนตาดอกที่ประกอบกันเป็นช่อดอกนั้นเป็น
จำนวนฟีโบนัชชี[4] ผลการศึกษาล่าสุดชิ้นหนึ่งได้อธิบายถึงต้นกำเนิดทางพันธุกรรมของกะหล่ำพันธุ์นี้ ผู้วิจัยมีความเห็นว่ารูปลักษณ์และคุณสมบัติสาทิสรูปดังกล่าวน่าจะเกิดจากการถูกรบกวนภายใน
เครือข่ายควบคุมการแสดงออกของยีนที่รับผิดชอบการออกดอก ทำให้
เนื้อเยื่อเจริญพัฒนาไปเป็นดอกไม่สำเร็จ แต่ก็ยังพยายามแตกตัวเป็นดอกต่อไปเรื่อย ๆ ในรูปแบบ
คล้ายตนเอง[5][6]