การปฏิวัติครั้งแรก ของ การปฏิวัติซินไฮ่

ต้นศตวรรษที่ 20 ภัยพิบัติและความทุกข์ยากของชนชาวจีนทวีความรุนแรงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ความขัดแย้งทางสังคมก็รุนแรงขึ้นเป็นประวัติการณ์ อันเนื่องมาจากการปกครองที่ล้มเหลวของราชวงศ์ชิง

ขุนนางและชนชั้นสูงในราชสำนักชิงตั้งแต่บนลงล่างที่อยู่ในสถานการณ์ง่อนแง่นได้ทำการปฏิรูประบบการเมืองใหม่ หรือที่เรียกว่า 'การปฏิรูป 100 วัน' แต่ทว่าประสบความล้มเหลว

และในเวลาเดียวกันนั้น พลังแห่งการปฏิวัติของชนชั้นนายทุนที่มี 'ดร.ซุนจงซาน' (หรือ ซุน ยัตเซ็น 孫中山 หรือ 孫日新) เป็นตัวแทนได้ขึ้นมาอยู่บนเวทีประวัติศาสตร์อย่างรวดเร็ว และรับผิดชอบภารกิจอันยิ่งใหญ่ด้วยการเป็นผู้นำการปฏิวัติประชาชนอย่างกล้าหาญ

ปี ค.ศ.1894 ดร.ซุน ยัตเซ็น เริ่มก่อตั้งคณะปฏิวัติซิ่งจงฮุ่ย (興中會) และพยายามริเริ่มก่อตั้งประเทศสาธารณรัฐชนชั้นนายทุน ต่อมาในเดือนสิงหาคม ค.ศ.1905 ดร.ซุนก่อตั้งสมาคมสหมิตร (ถงเหมิงฮุ่ย 同盟會) ขึ้นที่กรุงโตเกียว สมาคมสหมิตรเสนอโครงร่างการปฏิวัติไว้ว่า

"กำจัดชนกลุ่มน้อยทางเหนือ (ชาวแมนจู) ฟื้นฟูประเทศจีน ก่อตั้งสาธารณรัฐ แบ่งเฉลี่ยกรรมสิทธิ์ที่ดิน" (驅除韃虜, 恢復中華, 創立民國, 平均地權)

เหล่าชนชั้นปกครองต้าชิงรู้สึกว่าการจะรักษาระบบการเมืองให้คงสภาพเดิมต่อไปนั้นเป็นเรื่องยาก จึงประกาศรัฐธรรมนูญชั่วคราวในปี ค.ศ.1908 ในปีเดียวกันฮ่องเต้กวงสวี่ตี้ (光緒帝) และพระนางซูสีไทเฮา (慈禧太后) สิ้นพระชนม์ ภายใต้สถานการณ์ทางการเมืองอันวุ่นวายก็ได้สถาปนาฮ่องเต้น้อยผู่อี๋ (ปูยี 溥儀) ขึ้นครองราชย์

วันที่ 27 เมษายน ค.ศ.1911 ดร.ซุน และ หวงซิง (黃興) นำมวลชนลุกฮือขึ้นก่อการปฏิวัติที่เมืองกว่างโจว ปฏิบัติการครั้งนั้นล้มเหลว มีผู้ก่อการเสียชีวิตจำนวนมาก ต่อมามีการนำร่างผู้เสียชีวิต 72 คนไปฝังไว้ที่เนินหวงฮัว ในประวัติศาสตร์เรียกว่า '72 วีรบุรุษเนินหวงฮัว'

เดือนพฤษภาคม ค.ศ.1911 ราชสำนักชิงได้ขายสิทธิอำนาจการเดินรถไฟให้กับชาติมหาอำนาจ ทำให้ราชวงศ์ถูกตราหน้าว่าเป็นทรราชยอมขายชาติ ยังเหตุให้เกิดความไม่พอใจขึ้นในหมู่ชาวจีนผู้รักชาติ นำไปสู่การเคลื่อนไหวต่อต้านขึ้นใน 4 มณฑลคือ หูหนาน หูเป่ย เสฉวนและกวางตุ้ง ราชสำนักชิงจึงนำกองทัพเข้าปราบปรามทันที

ใกล้เคียง