การล่าวาฬในญี่ปุ่น หมายถึงกรณีที่ไม่ได้เป็นไปเพื่ออุตสาหกรรม มีขึ้นในศตวรรษที่ 12
[1] ส่วน
การล่าวาฬญี่ปุ่น (Japanese whaling) หมายถึงกรณีที่เป็นไปเพื่ออุตสาหกรรม มีขึ้นตั้งแต่ทศวรรษที่ 1890 ในสมัยนั้นมีหลายชาติเข้าร่วม
[2] และปัจจุบันเกิดขึ้นแม้กระทั่งนอกเหนือน่านน้ำญี่ปุ่นในศตวรรษที่ 20 ญี่ปุ่นล่าวาฬเพื่อการค้าอย่างมาก จน
คณะกรรมการการล่าวาฬระหว่างประเทศ (International Whaling Commission) ซึ่งจัดตั้งขึ้นตาม
อนุสัญญาระหว่างประเทศเพื่อควบคุมการล่าวาฬ (International Convention for the Regulation of Whaling ) ต้องสั่งระงับตั้งแต่ปี 1986 อย่างไรก็ดี ญี่ปุ่นยังคงล่าวาฬต่อไปโดยอาศัยข้อบทแห่งความตกลงระหว่างประเทศที่เปิดให้กระทำได้เพื่อการค้นคว้าทางวิทยาศาสตร์ และได้จัดตั้ง
สถาบันวิจัยสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมในทะเล (Institute of Cetacean Research) ขึ้นเพื่อรับผิดชอบการล่าวาฬ แต่เนื้อของวาฬที่ล่ามาเพื่อวิทยาศาสตร์นั้นกลับนำออกขายตามภัตตาคารร้านรวงทั่วไป
[3] แม้การกระทำดังกล่าวไม่ขัดต่อกฎเกณฑ์ของคณะกรรมการการล่าวาฬระหว่างประเทศ แต่กรรมการส่วนใหญ่คัดค้าน
[4] การล่าวาฬนี้ยังก่อให้เกิดความบาดหมางระหว่างประเทศและองค์การที่สนับสนุนและ
ต่อต้านการล่าวาฬ บรรดาประเทศ องค์การ และนักวิทยาศาสตร์ที่คัดค้านการล่าวาฬมองว่า โครงการวิจัยของญี่ปุ่นนั้นไม่จำเป็นแม้แต่น้อย ทั้งปฏิบัติการล่าวาฬของญี่ปุ่นที่แฝงความมุ่งหมายทางการค้าเอาไว้นั้นยังเลวร้ายอย่างถึงที่สุด
[5][6][7][8] ฝ่ายญี่ปุ่นยืนยันว่า การล่าวาฬทุกปีนั้นจำเป็นเพื่อการศึกษาทางวิทยาศาสตร์และการบริหารจำนวนวาฬ ญี่ปุ่นยังโต้แย้งว่า การคัดค้านการล่าวาฬนั้นมีเหตุผลเป็นเพียงความแตกต่างทางวัฒนธรรมและความรู้สึกนึกคิด
[9][10]วันที่ 31 พฤษภาคม 2010 ประเทศออสเตรเลียฟ้องญี่ปุ่นต่อ
ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ[11] ต่อมาวันที่ 31 มีนาคม 2014 ศาลพิพากษาว่า การที่ญี่ปุ่นล่าวาฬใน
มหาสมุทรใต้นั้นไม่ได้เป็นไปเพื่อวัตถุประสงค์ทางวิทยาศาสตร์ และสั่งให้เลิกโดยพลัน
[12] ญี่ปุ่นแถลงว่า จะปฏิบัติตามคำพิพากษา
[13][14]