การสู่ขอ ของ การแต่งงานแบบไทย

ผู้ที่ได้รับมอบหมายให้มาสู่ขอตามธรรมเนียมประเพณีไทยเรียกว่า "เฒ่าแก่" ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นผู้ใหญ่ที่มีฐานะดี มีผู้ให้การเคารพนับถือ และที่รู้จักพ่อแม่หรือผู้ปกครองของทั้งสองฝ่ายเป็นอย่างดี รวมทั้งรู้จักอุปนิสัยใจคอของฝ่ายชายเป็นอย่างดี เพราะตัวเฒ่าแก่จะเป็นผู้รับรองในตัวฝ่ายชาย

พิธีการสู่ขอ

เฒ่าแก่จะไปพบพ่อแม่หรือผู้ปกครองของฝ่ายหญิง เพื่อทำการเจรจาสู่ขอ สมัยโบราณต้องมีการเลียบเคียงด้วยวาจาอันไพเราะ ดังนี้

"ได้ยินมาว่า บ้านนี้มีฟักแฟงแตงเต้าดกงาม ก็ใคร่จะมาขอพันธุ์ไปเพาะปลูกบ้าง" หากทางฝ่ายหญิงทราบล่วงหน้าอยู่แล้ว ในวันที่เฒ่าแก่ฝ่ายชายจะมาเจรจาสู่ขอ จะมีการจัดบ้านและแต่งตัวให้สวยงามเป็นพิเศษ หรืออาจมีการจัดเตรียมอาหารไว้เลี้ยงฉลองกันตามธรรมเนียม

หลังจากการเจรจาผ่านไปได้ด้วยดี โดยตกลงเรื่องสินสอดทองหมั้น และการหาฤกษ์ยามสำหรับจัดพิธี สมัยก่อน พ่อแม่ฝ่ายหญิงจะไม่ยกลูกสาวให้โดยง่ายในการเจรจาสู่ขอครั้งแรก อาจผัดผ่อน เพื่อจะสืบประวัติฝ่ายชาย และถามความสมัครใจจากฝ่ายหญิงก่อน หรือขอวันเดือนปีเกิดของฝ่ายชายไว้เพื่อผูกดวงตรวจดูเสียก่อน แต่ถ้าฝ่ายหญิงปฏิเสธการสู่ขอ สามารถยกเหตุเรื่องดวงชะตาของทั้งสองฝ่ายไม่สมพงศ์กันมาเป็นข้ออ้างได้ เพื่อเป็นการถนอมน้ำใจซึ่งกัน หากเป็นในปัจจุบัน การเจราจาสู่อาจตกลงกันได้เลยในครั้งแรก เพราะพ่อแม่ฝ่ายหญิงได้รู้จักฝ่ายชายมาบ้างแล้ว

การแจ้งผลการสู่ขอ

หากการเจรจาเป็นไปอย่างราบรื่น มีการตกลงกันเรื่องสินสอดทองหมั้นและการหาฤกษ์ยามสำหรับจัดพิธี เฒ่าแก่จะเป็นผู้แจ้งข่าวดีแก่ทางฝ่ายชาย และดำเนินการพูดคุยเพื่อเตรียมการ เช่นการจัดขบวนขันหมากซึ่งเป็นหน้าที่ของฝ่ายชาย และฝ่ายหญิงมีหน้าที่จัดเตรียมอาหารของกำนัลขอบคุณผู้ถือขันหมากทั้งหมด ต้องถามจำนวนแขกของฝ่ายชาย เพื่อให้ไม่เกิดความบกพร่อง ซึ่งถือเป็นเรื่องสำคัญในเรื่องการเลี้ยงดูปูเสื่อของธรรมเนียมไทย

ใกล้เคียง

การแต่งงานแบบไทย การแต่งกายของพม่า การแต่งงาน การแตกตัวด้วยแสง การแตกกระจายออก การแต่งงานโดยฉันทะ การแตกตัวเป็นไอออน การแต่งงานต่างฐานันดร การแต่งตั้งให้อัครสาวกสิบสองคน การแตกเป็นเสี่ยง