คตินิยมเปลี่ยนแนว (
อังกฤษ: deconstructivism) หรืออาจเรียกว่า
การเปลี่ยนแนว (deconstruction) เป็นรูปแบบ
สถาปัตยกรรมที่พัฒนาจาก
สถาปัตยกรรมหลังสมัยใหม่ ที่เริ่มช่วงปลาย
คริสต์ทศวรรษ 1980 โดยมีเอกลักษณ์จากรูปแบบการแตกกระจาย, ความสนใจในการเปลี่ยนแปลงพื้นผิวของโครงสร้างหรือเปลือก, รูปร่างที่ไม่ใช่เส้นตรง ที่ทำให้เกิดการทำให้บิดเบี้ยวและความไม่เป็นระเบียบขององค์ประกอบทางสถาปัตยกรรม อย่างเช่นโครงสร้างและสิ่งห่อหุ้ม ภาพปรากฏของอาคารที่เห็นจะมีเอกลักษณ์ที่เร่งเร้าสิ่งที่คาดไม่ถึงและความยุ่งเหยิงที่ถูกควบคุมเหตุการณ์สำคัญในประวัติศาสตร์ของการเคลื่อนไหวของนักนิยมเปลี่ยนแนว อย่างเช่นงานการแข่งขันการออกแบบสถาปัตยกรรมที่
ปาร์กเดอลาวีแล็ต (โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในผลงานการเข้าแข่งขันของ
ฌัก แดรีดา และ
ปีเตอร์ ไอเซนมาน[1] และผลงานชนะเลิศของ
เบอร์นาร์ด ชูมี, งานนิทรรศการสถาปัตยกรรมตามคติเปลี่ยนแนวที่พิพิธภัณฑ์ศิลปะสมัยใหม่ ในปี ค.ศ. 1988 ที่นิวยอร์ก จัดขึ้นโดย
ฟิลิป จอห์นสันและ
มาร์ก วิกลีย์ และงานเปิดของเวกซ์เนอร์เซนเตอร์ฟอร์ดิอาตส์ ในโคลัมบัส ออกแบบโดยปีเตอร์ ไอเซนมาน และงานนิทรรศการเดอะนิวยอร์กเอกซิบิชัน ที่มีผลงานของ
แฟรงก์ เกห์รี,
แดเนียล ลิเบส์ไคนด์,
แร็ม โกลฮาส,
ปีเตอร์ ไอเซนมาน,
ซาฮ่า ฮาดิด,
Coop Himmelb(l)au และบอร์นาร์ด ชูมีจุดเริ่มต้น มี
สถาปนิกหลายท่านรู้จักรูปแบบคตินิยมเปลี่ยนแนว ได้รับอิทธิพลจากแนวความคิดของ
นักปรัชญาชาวฝรั่งเศสที่ชื่อ ฌัก แดรีดา โดยไอเซนมานได้พัฒนาความสัมพันธ์กับแดรีดา ถึงกระนั้นรูปแบบการออกแบบทางสถาปัตยกรรมของเขาก็พัฒนามานานก่อนที่จะมาเป็นนักนิยมเปลี่ยนแนว ผู้มีงานคตินิยมเปลี่ยนแนวหลายคนมักได้รับอิทธิพลจากการทดลองจากกฎเกณฑ์ทั่วไปและการทำรูปทรงเรขาคณิตให้ไม่สมดุลของสถาปัตยกรรมคตินิยมโครงสร้าง (รัสเซีย) นอกจากนี้ยังมีการอ้างอิงในการเคลื่อนไหวสถาปัตยกรรมคตินิยมเปลี่ยนแนว อย่าง
นวยุคนิยม/
คตินิยมหลังนวยุค,
บาศกนิยม,
ลัทธิจุลนิยม และศิลปะร่วมสมัยความพยายามของสถาปัตยกรรมในคตินิยมเปลี่ยนแนว คือการพยายามนำสถาปัตยกรรมออกจากที่ผู้ออกแบบเรียกว่า กฎตายตัวของนวยุคนิยม อย่างเช่น "รูปทรงตามประโยชน์ใช้สอย", "สัจจะแห่งรูปทรง" และ "เนื้อแท้แห่งวัสดุ"