การวิพากษ์มาคส์โดยนักคิดร่วมสมัย ของ คาร์ล_มาคส์

ทฤษฎีมาคส์สถูกวิพากษ์วิจารณ์จากหลาย ๆ มุมมอง

ผู้สนับสนุนระบบทุนนิยมได้อธิบายว่า แท้จริงแล้ว ในท้ายที่สุด ระบบทุนนิยมจะมีประสิทธิภาพในการสร้างและกระจายความร่ำรวย ได้ดีกว่าระบบสังคมนิยมหรือคอมมิวนิสต์ และช่องว่างระหว่างคนรวยและคนจน ที่มาคส์และเองเงิลส์กังวลนั้น เป็นแค่ปรากฏการณ์ชั่วคราวเท่านั้น. บางคนกล่าวว่า ความละโมบและความต้องการที่จะมีทรัพย์สินนั้น เป็นความต้องการพื้นฐานที่ซ่อนอยู่ของมนุษย์ หาใช่เป็นผลมาจากการรับเอาระบบทุนนิยมเข้ามา หรือว่าเกิดจากระบบเศรษฐกิจใด ๆ (แม้ว่านักมานุษยวิทยาจะตั้งข้อสงสัยกับคำกล่าวอ้างนี้) และระบบเศรษฐกิจที่แตกต่างกันนั้น เกิดจากสังคมที่แตกต่างกันสะท้อนความจริงนี้ออกมาไม่เหมือนกัน กลุ่มนักเศรษฐศาสตร์สายออสเตรียวิจารณ์มาคส์ในการใช้ทฤษฎีมูลค่าแรงงาน นอกจากนี้นโยบายและการกระทำต่าง ๆ ของรัฐสังคมนิยม ที่มักอ้างว่าเป็นการกระทำตามแนวคิดของมาคส์ ได้ทำลายชื่อของมาคส์อย่างมากมายในโลกตะวันตก

มาคส์เองก็โดนวิพากษ์วิจารณ์จากทางฝ่ายซ้ายด้วยเช่นกัน นักสังคมนิยมแนววิวัฒนาการไม่เชื่อคำอ้างของมาคส์ว่า การสร้างรัฐสังคมนิยมจะต้องกระทำผ่านทางการปะทะระหว่างชนชั้น และการปฏิวัติอย่างรุนแรงเท่านั้น. บางกลุ่มก็กล่าวว่า ความไม่เท่าเทียมระหว่างชนชั้นนั้น ไม่ใช่ความไม่เท่าเทียมพื้นฐานของประวัติศาสตร์ และชี้ให้เห็นความปัญหาของลัทธิชายเป็นใหญ่ และการเหยียดชาติพันธุ์ นอกจากนี้ยังมีการตั้งคำถามเกี่ยวกับความถูกต้อง ทั้งในด้านทฤษฎีและด้านประวัติศาสตร์ ในการใช้ "ชนชั้น" เป็นเครื่องมือในการวิเคราะห์ และมีการตั้งคำถามในทิศทางเดียวกันนี้ ถึงการที่มาคส์ถือความเชื่อของสมัยศตวรรษที่ 19 ที่เชื่อมวิทยาศาสตร์เข้ากับแนวคิดของ "ความก้าวหน้า" (ดู วิวัฒนาการเชิงสังคม) หลายคนเชื่อว่าระบบทุนนิยมเองได้เปลี่ยนแปลงไปมาก นับจากสมัยของมาคส์ และการแบ่งแยกชนชั้นก็มีรูปแบบที่ซับซ้อนยิ่งขึ้น โดยยกตัวอย่างจากการที่คนงานก็มีสิทธิถือครองหุ้นของบรรษัทขนาดใหญ่ได้ โดยผ่านทางกองทุน (ดู แนวคิดหลังโครงสร้างนิยม และ แนวคิดหลังสมัยใหม่ สำหรับการเคลื่อนไหวสองกลุ่มที่มักมีทิศทางสอดคล้องกับแนวคิดฝ่ายซ้าย ที่วิพากษ์มาคส์และลัทธิมาคส์)

ยังมีกลุ่มที่วิจารณ์มาคส์โดยใช้ทัศนะจากการศึกษาด้านปรัชญาของวิทยาศาสตร์ ที่โดดเด่นก็คือ คาร์ล พอพเพอร์ ผู้เป็นนักปรัชญา ได้วิพากษ์ทฤษฎีของมาคส์ว่า เป็นสิ่งที่ตรวจสอบว่าผิดไม่ได้ ซึ่งจะทำให้คำอ้างทางประวัติศาสตร์ รวมถึงด้านสังคมและการเมืองของมาคส์นั้น ไม่สอดคล้องกับหลักวิทยาศาสตร์ สาเหตุหลักมาจากการทำนายของมาคส์ว่า ระบบทุนนิยมจะล่มสลายลงเนื่องจากการปฏิวัติของชนชั้น ผู้ที่ไม่เชื่อจะกล่าวว่า "สิ่งนี้จะไม่เกิดขึ้น" ในขณะที่เหล่ามาคส์สจะโต้ว่า "แต่มันจะต้องเกิด" ลักษณะเช่นนี้ทำให้ข้อพิสูจน์ต่าง ๆ ของแนวคิดมาคส์ที่วางอยู่บนหลักฐานเชิงประจักษ์นิยมนั้น เป็นไปไม่ได้ ด้วยเหตุผลนี้ พอพเพอร์จึงอธิบายว่า ไม่ว่ามาคส์จะอ้างว่า ได้ทำให้การศึกษาประวัติศาสตร์เป็นไปตามหลักวิทยาศาสตร์ก็ตาม แต่ความจริงแล้ว ความคิดแนวมาคส์ไม่สามารถเป็นความคิดที่เป็นวิทยาศาสตร์ได้. กลุ่มต่อต้านคอมมิวนิสต์ในฝั่งตะวันตกมักกล่าวโทษมาคส์อย่างรุนแรง ซึ่งเป็นผลมาจากการมองมาคส์ผ่านทางการกระทำของรัฐคอมมิวนิสต์ และปัญหาการเมืองเมื่อสมัยสงครามเย็น

พรรคการเมืองมาคส์สต์รวมถึงการเคลื่อนไหวต่าง ๆ นั้น ลดความเข้มแข็งลง ภายหลังจากการล่มสลายของสหภาพโซเวียต นักวิจารณ์ซึ่งส่วนใหญ่เป็นฝ่ายขวา ได้ใช้เหตุการณ์นี้อธิบายว่า เกิดขึ้นมาจากความล้มเหลวภายในหลาย ๆ อย่างในสหภาพโซเวียต และการล่มสลายที่ตามมานี้ เป็นผลพวงโดยตรงจากแผนการของมาคส์ แสดงให้เห็นถึงความล้มเหลวของแนวคิดมาคส์สม์. อย่างไรก็ตาม กลุ่มมาคส์สต์กล่าวว่า นโยบายของสหภาพโซเวียต ซึ่งมีลักษณะเป็นแบบเลนินนิสต์และสตาลินนิสต์นั้น แม้จะดูผิวเผินแล้วคล้ายคลึงกับทฤษฎีของมาคส์ แต่ในเนื้อแท้แล้วแตกต่างกันมาก. มาคส์วิเคราะห์โลกในยุคสมัยของเขา และปฏิเสธที่จะเขียนแผนการว่าโลกสังคมนิยมจะต้องเป็นอย่างใด โดยเขากล่าวว่าเขามิได้ "เขียนตำราอาหาร สำหรับอนาคต". สำหรับภายนอกยุโรปและสหรัฐอเมริกาแล้ว การเคลื่อนไหวเพื่อต่อต้านลัทธิจักรวรรดินิยม รวมถึงการกลุ่มชาตินิยม มักมีความสำคัญกว่าคอมมิวนิสต์. อย่างไรก็ตาม หลายครั้งกลุ่มเคลื่อนไหวนี้ ได้ใช้แนวคิดของมาคส์เป็นพื้นฐานทางทฤษฎี.

ผู้สนับสนุนมาคส์ในปัจจุบันกล่าวโดยทั่วไปว่า มาคส์นั้นพูดไว้อย่างถูกต้องว่า ธรรมชาติของมนุษย์นั้นเป็นภาพสะท้อนมาจากผลของประวัติศาสตร์และสภาพทางสังคม (ดังนั้นจึงเป็นสิ่งที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา และไม่สามารถจะทำความเข้าใจได้ถ้ายังเชื่อว่ามีธรรมชาติที่แท้ของมนุษย์อยู่) พวกเขาเชื่อว่าการวิเคราะห์เกี่ยวกับสินค้าของมาคส์ยังคงเป็นสิ่งที่ใช้ประโยชน์ได้ และความแปลกแยกก็ยังเป็นปัญหาที่สำคัญอยู่ พวกเขากล่าวว่าระบบทุนนิยมนั้น ไม่ได้ดำรงอยู่เป็นระบบโดด ๆ แยกกันไปตามแต่ละประเทศ ดังนั้นการวิเคราะห์จะต้องพิจารณาว่าเป็นระบบที่เชื่อมต่อกันในระดับโลก พวกเขากล่าวว่าเมื่อมองในระดับโลกแล้ว ระบบทุนนิยมในขณะนี้ก็อยู่ระหว่างการก่อตัว และก็กำลังขยายช่องว่างระหว่างคนมั่งมีและคนยากจนขึ้นเรื่อย ๆ เช่นเดียวกับในประเทศอังกฤษในบทความของเองเงิลส์ ซึ่งช่องว่างนี้เองเป็นสิ่งที่ทำให้มาคส์หันเหจากการศึกษาปรัชญามาสนใจปัญหาสังคม

แหล่งที่มา

WikiPedia: คาร์ล_มาคส์ http://www.lsr-projekt.de/poly/eninnuce.html http://www-personal.umd.umich.edu/~delittle/Marxis... http://willamette.edu/cla/classics/careers/marx/in... http://www.iisg.nl/collections/marx/index.html http://www.iisg.nl/collections/marxengels.html http://www.gutenberg.org/author/Marx, http://www.marxists.org/archive/marx/ http://www.marxists.org/archive/marx/works/1845/ge... http://www.marxists.org/archive/marx/works/1875/go... http://arch.oucs.ox.ac.uk/detail/94555/index.html