ลัทธิจักรวรรดินิยมสมัยใหม่ ของ จักรวรรดินิยม

มีการถกเถียงกันมากในปัจจุบันเกี่ยวกับนโยบายและบทบาทของประเทศสหรัฐอเมริกาในประเด็นที่ว่า การใช้อำนาจและนโยบายกดดันโลกส่วนอื่นๆ ของลุงแซมนั้น ในภาพรวมแล้ว ควรถือว่าเป็นปฏิบัติการของลัทธิจักรวรรดินิยมหรือไม่ ด้วยเหตุนี้จึงทำให้มีการเรียกขานสหรัฐอเมริกาในบางครั้งว่า "จักรวรรดินิยมอเมริกา" (American Empire)

การล่มสลายของสหภาพโซเวียต (Soviet Union) และการสิ้นสุดของสงครามเย็น (Cold War) ซึ่งทำให้ สหรัฐอเมริกากลายเป็นประเทศมหาอำนาจโดดเด่นเพียงหนึ่งเดียวของโลกอยู่ในขณะนี้ ก็ยิ่งทำให้ข้อถกเถียงโต้แย้งในประเด็น "จักรวรรดินิยมอเมริกัน" นี้เป็นสิ่งที่ยากจะปฏิเสธได้มากยิ่งขึ้นไปอีก ประกอบกับในช่วงศตวรรษที่ผ่านมานั้น สหรัฐอเมริกาเองก็ได้ใช้ทั้งการเข้าแทรกแซงด้วยกำลังทหารและอิทธิพลทางเศรษฐกิจและการเมืองในการจัดการกับประเทศใต้อิทธิพลของตน ในเขตซีกโลกตะวันตกมาแล้วหลายครั้ง นอกจากนี้ ยังปรากฏว่า แม้ความคิดเห็นของกลุ่มอำนาจทางการเมืองในสหรัฐอเมริกาจะมีความแตกต่างกันมากระหว่างกลุ่มสายเหยี่ยว (hawkish) กับกลุ่มสายพิราบ (dovish) แต่ก็มีสายเหยี่ยวจำนวนมากยิ่งขึ้นที่มองว่าลัทธิขยายอำนาจ ในแนวทางแบบจักรวรรดินิยมนั้นแท้จริงแล้ว ถือได้ว่าเป็น "ภาระหน้าที่" ส่วนหนึ่งในการรักษาผลประโยชน์หรือ "โชคชะตาที่สวรรค์กำหนดไว้แล้ว" ( Manifest Destiny) ของชนชาติอเมริกัน

คำว่า "จักรวรรดินิยม" นั้น โดยธรรมชาติแล้ว มีความขัดแย้งอยู่ในตัวมันเองอยู่แล้ว --- นั่นคือ คนทั่วไปมองบริบทส่วนใหญ่ของ "จักรวรรดินิยม" ว่าจำกัดอยู่ในลักษณะเชิงประวัติศาสตร์ (มากกว่าที่จะเป็นเหตุการณ์ปัจจุบัน) เนื่องจากตัวอย่างของ "จักรวรรดิ" นั้นมักจะปรากฏให้เห็นอยู่เสมอในประวัติศาสตร์จนทำให้เกิดความคุ้นเคยและเกิดแนวความคิดว่าเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นในอดีตเท่านั้น ขณะที่ตัวอย่างของจักรวรรดินิยมสมัยใหม่นั้นจะต้องมองในลักษณะที่แตกต่างออกไป จาก ในรูปของการกดขี่ข่มเหงและลัทธิการใช้อำนาจทางทหารเข้ารุกราน นอกจากนี้ ประเทศสหรัฐอเมริกานั้นก็เพิ่งจะครองตำแหน่ง "มหาอำนาจเพียงหนึ่งเดียว" ของโลกมาได้เพียงไม่กี่ปีมานี้เอง คือเมื่อ สหภาพโซเวียต ซึ่งเป็นศัตรูคู่แข่งสำคัญทางการเมือง การทหาร และลัทธิอุดมการณ์ล่มสลายลง สงครามเย็น (Cold War) ซึ่งเป็นการต่อสู้แย่งชิงความเป็นใหญ่ทางภูมิรัฐศาสตร์ ระหว่างสหรัฐอเมริกาและสหภาพโซเวียตนี้ถูกหล่อหลอมให้ปรากฏเป็นการต่อสู้ระหว่าง "เสรีภาพกับการกดขี่รังแก" ซึ่งมีผลทำให้ภาพของความเป็นจักรวรรดิของชาติมหาอำนาจทั้งสองลดน้อยถอยลง

นอกจากนี้ คำว่า "จักรวรรดินิยม" นั้นยังมีความหมายออกไปในเชิงลบ เป็นไปในลักษณะของทรราช และการกดขี่ข่มเหง/รังแกผู้อื่นมากกว่า ดังนั้น โดยธรรมชาติแล้ว พลเมืองในบังคับของชาติจักรวรรดิที่ไปอ้างสิทธิเหนือหัวชาติอื่นๆอยู่นั้น ย่อมไม่สมัครใจที่จะให้ใช้คำดังกล่าวในการพาดพิงหรือโยงใยเกี่ยวข้องกับตนเอง

ในต้นศตวรรษที่21 สหรัฐอเมริกาได้หันความทะเยนทะยานอยากของตน ทั้งทางการทหาร การเมืองและการเศรษฐกิจไปยังประเทศที่ร่ำรวยไปด้วยน้ำมันในแถบเอเชียกลาง และ ตะวันออกกลาง เริ่มต้นตั้งแต่หลังสงครามโลกครั้งที่ 2ยุติลง โดยสหรัฐเข้าสืบทอดบทบาทเด่นๆส่วนใหญ่ที่สหราชอาณาจักรเคยใช้ในการเข้าควบคุมตะวันออกกลาง การยุยงส่งเสริม รวมทั้งเข้าช่วยเหลือในการลอบสังหารและหนุนการก่อปฏิวัติรัฐประหารของสหรัฐอเมริกา ทำให้ชาติในตะวันออกกลางหลายประเทศได้รับรู้และประจักษ์ชัดแจ้ง ถึงอิทธิพลที่แข็งแกร่งของสังคมตะวันตกที่สยายปีกทะมึนเข้าสู่ภูมิภาคนี้ ทั้ง อียิปต์, อิรัก, ซาอุดีอาระเบีย, ซีเรีย, เลบานอน และ อิสราเอล ต่างก็ถูกนโยบายของสหรัฐอเมริกาแผ่อิทธิพลเข้าครอบงำ ไม่โดยตรงก็โดยเนื้อหาสาระกันถ้วนทั่วหน้า (แต่อย่างไรก็ตาม ลักษณะของลัทธิจักรวรรดินิยมสมัยใหม่เหล่านี้ไม่ได้ครอบคลุมไปถึงช่วงที่จักรวรรดินิยมอังกฤษ เข้ายึดครองภูมิภาคนี้ในอดีตก่อนหน้านั้น รวมทั้งการคงอำนาจเจ้าอาณานิคมปกครองอินเดียและปากีสถาน อยู่ต่อไปของอังกฤษเข้าไว้ด้วย)

เมื่อมีเพียงไม่กี่ประเทศเท่านั้นที่มีขีดความสามารถและแข็งแกร่งรอบด้านสูงมากอย่างเช่นสหรัฐอเมริกา นักวิเคราะห์บางคนจึงชี้ว่า ปฏิบัติการทางทหารของสหรัฐอเมริกาบางส่วน หรือเกือบจะทั้งหมดนั้นก็คือปฏิบัติการของลัทธิจักรวรรดินิยมทหารนั่นเอง ขณะที่นักวิชาการอีกจำนวนหนึ่ง ระบุตรง ๆ เลยว่า ข้อกล่าวหา "จักรวรรดินิยมอเมริกัน" นี้ถูกนำมาใช้ โจมตีสหรัฐอเมริกาได้ตลอดเวลา และไม่ว่าอเมริกันนั้นจะเปิดปฏิบัติการทางทหารขึ้นในเวลาใดก็ตาม เนื่องจากมีข้อเท็จจริงที่ไม่มีใครโต้แย้งได้เกี่ยวกับสหรัฐอเมริกา 2 ประการสนับสนุน นั่นคือ ประการแรก สหรัฐอเมริกาเป็นประเทศที่มีกองทัพขนาดใหญ่กว่าและทันสมัยมากกว่าทุกประเทศในโลก สามารถเปิดปฏิบัติการได้จากฐานทัพจำนวนมากกว่า 100 แห่งทั่วโลกได้ในเวลาเพียงไม่กี่นาที และประการที่ 2 สหรัฐอเมริกาพร้อมที่จะใช้กองทัพของตนในการพิทักษ์ปกป้องผลประโยชน์ของชาติตนโดยลำพังฝ่ายเดียวได้ โดยไม่ต้องพึ่งพาอาศัยความร่วมมือของชาติอื่นๆ ดังนั้นประเด็นที่ยังถกเถียงกันอยู่เกี่ยวกับ "จักรวรรดินิยมอเมริกัน" ขณะนี้ จึงเป็นเรื่องที่ว่า คุณสมบัติ/ลักษณะต่างๆเหล่านี้ โดยลำพังแล้ว เป็นปัจจัยที่เมื่อประกอบกันแล้วทำให้สหรัฐอเมริกากลายเป็นชาติจักรวรรดินิยม ใช่หรือไม่ และ "ลัทธิจักรวรรดินิยม" ในลักษณะของอเมริกานี้มีความเหมือนหรือคล้ายคลึงกันมาก หรือเพียงพอแล้วที่จะชี้ชัดลงไปได้ว่า จักรวรรดินิยมอเมริกานั้นคือ การกลับมาเกิดใหม่อีกครั้งของลัทธิจักรวรรดินิยม เหมือนเช่นที่เคยเกิดขึ้นมาแล้วหลายครั้งในอดีต --- ตั้งแต่ ยุคสมัยของโรมัน ตามต่อมาด้วยสมัยของอังกฤษ เยอรมัน และชาติจักรวรรดินิยมอื่น ๆ อีกหลายชาติตามที่มีบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์มนุษยชาติ

ใกล้เคียง

จักรวรรดิออสเตรีย-ฮังการี จักรวรรดิญี่ปุ่น จักรวรรดิบริติช จักรวรรดิออตโตมัน จักรวรรดิมองโกล จักรวาลภาพยนตร์มาร์เวล จักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ จักรวรรดิโรมัน จักรวาลภาพยนตร์มาร์เวล: เฟสสอง จักรวรรดิรัสเซีย