การล้มล้างจักรวรรดิ ของ จักรวรรดิออสเตรีย-ฮังการี

การประกาศยุบจักรวรรดิออสเตรีย-ฮังการีถูกตีพิมพ์และแจกจ่ายเมื่อ พ.ศ. 2461 ในคราโคว์ (ปัจจุบันเป็นส่วนหนึ่งของโปแลนด์)

ผลของสงครามโลกครั้งที่ 1 คือฝ่ายพันธมิตรซึ่งได้แก่จักรวรรดิอังกฤษ ฝรั่งเศส อิตาลี และสหรัฐอเมริกาได้รับชัยชนะ นักชาตินิยมได้รับกระแสนิยมในอิสรภาพมากขึ้น โดยประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกา วูดโรว์ วิลสัน กล่าวในสุนทรพจน์ "ประเด็นทั้งสิบสี่" ว่า โอกาสแห่งอิสรภาพและเสรีภาพได้มาอยู่ในกำมือของเราแล้ว เราจะพัฒนาของเราเอง ในทางกลับกัน จักรพรรดิคาร์ล จักรพรรดิแห่งออสเตรีย-พระราชาธิบดีแห่งฮังการี ได้ทรงเปิดวาระประชุมในสภาอิมพีเรียล โดยมีพระบรมราชานุญาตให้มีการก่อตั้งสมาพันธรัฐพร้อมด้วยการตั้งสภาย่อยเป็นของตนเอง เพื่อรักษาความเป็นจักรวรรดิออสเตรีย-ฮังการี ขณะที่หลายฝ่ายเริ่มไม่ไว้วางใจในเสรีภาพหลังจากจบสงครามแล้ว

เมื่อวันที่14 ตุลาคม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ บารอนสเตฟาน วอน ราเจ็คส์ ได้พยายามที่จะพิสูจน์ศรัทธาที่มีต่อจักรวรรดิ โดยจักรพรรดิคาร์ลได้ทรงประกาศเรื่องอนาคตของพระราชวงศ์อิมพีเรียล 2 วันหลังจากที่ออสเตรียกลายเป็นสหภาพ-สหพันธรัฐ ซึ่งประกอบด้วยอีก 4 ประเทศคือ เยอรมนี เช็ก สลาฟใต้ และยูเครน ส่วนประเทศโปแลนด์นั้นได้รับเอกราชอย่างเต็มตัว

ประเทศหลายประเทศที่เป็นส่วนหนึ่งของจักรวรรดิต่างก็ประกาศเอกราช ไม่ขึ้นตรงต่อจักรวรรดิอีกต่อไป โดยกลุ่มประเทศแรกที่ประกาศเอกราชนั้นคือ โบฮีเมีย โมราเวีย ซีลีเซีย กาลิเซีย และบูโกวินา โดยรวมประเทศทั้งหมดเป็นสาธารณรัฐเชโกสโลวักที่ 1 เมื่อวันที่28 ตุลาคม พ.ศ. 2461 ต่อมาวันที่29 ตุลาคม สลาฟใต้ได้ประกาศเอกราชและก่อตั้งรัฐแห่งชาวสโลวีน โครแอต และเซิร์บ ต่อมา รัฐบาลฮังการีได้ประกาศสิ้นสุดความสัมพันธ์ทางสหภาพกับออสเตรียเมื่อวันที่ 31 ตุลาคม ส่งผลให้ประเทศทุกประเทศที่เป็นของออสเตรีย-ฮังการี แตกแยกไปก่อตั้งประเทศเป็นของตนเอง จะมีอยู่ส่วนน้อยที่ยังขึ้นตรงต่อจักรวรรดิอยู่ เช่น เขตพื้นที่แถบอัลไพน์และดานูบ

การนำไปสู่จุดจบของจักรวรรดินี้ จักรพรรดิคาร์ล (ใช้พระนามคาร์ลที่ 4 ในฮังการี) ได้ถูกรัฐบาลของออสเตรียและฮังการีขับออกจากราชสมบัติ โดยพระองค์ไม่ทรงสละราชสมบัติ เมื่อวันที่11 - 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2461 ในความที่พระองค์ไม่ทรงสละราชสมบัตินั้น ก็ยังมีประชาชนส่วนหนึ่งที่ยังคงมีความจงรักภักดีต่อพระองค์และพระราชวงศ์อิมพีเรียลอยู่ ทำให้เกิดกระแสการฟื้นฟูสถาปนาระบอบพระมหากษัตริย์ในฮังการี เมื่อเดือนมีนาคม พ.ศ. 2463 โดยพระองค์ยังคงราชสมบัติอยู่ แต่จะมีผู้สำเร็จราชการแทนคือ มิกโลช โฮร์ตี ดูแลปกครองประเทศแทนพระองค์ ส่วนตัวพระองค์พร้อมด้วยพระราชวงศ์อพยพไปที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ และเกาะมาไดร่า ประเทศโปรตุเกสและประทับอยู่ที่นั่น จนกระทั่งพระองค์เสด็จสวรรคตด้วยโรคปอดบวม

ประเทศใหม่

ประเทศที่ได้ก่อตั้งใหม่หลังจากสิ้นสุดจักรวรรดิออสเตรีย-ฮังการี มีดังนี้

พื้นที่บางส่วนของจักรวรรดิได้ผนวกเข้ากับราชอาณาจักรโรมาเนีย , ราชอาณาจักรอิตาลี และ ลิกเตนสไตน์ โดยมีเขตโวราร์ลเบิร์กนั้น ประชาชนได้ลงประชามติให้ผนวกเข้ากับสวิตเซอร์แลนด์

New hand-drawn borders of Austria-Hungary in the Treaty of Trianon and Saint Germain. (1919–1920)ออสเตรีย-ฮังการีและประเทศใหม่ที่ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2461.                     เขตพรมแดนออสเตรีย-ฮังการี เมื่อ พ.ศ. 2457

                     เขตพรมแดนเมื่อ พ.ศ. 2457                     เขตพรมแดนเมื่อ พ.ศ. 2463

  จักรวรรดิออสเตรีย เมื่อ พ.ศ. 2457
Sillouhette of Monarchy over postwar map of Europe (1929)

พื้นที่และอาณาเขตของจักรวรรดิ

พื้นที่ อาณาเขตและประเทศต่างๆในจักรวรรดิออสเตรีย-ฮังการีที่ประกาศเอกราช หลังจากที่ถูกล้มล้างหลังสงครามโลกครั้งที่ 1 ดังนี้:

พื้นที่เขตซิสเลอธาเนีย (พื้นที่ฝั่งซ้ายของจักรวรรดิ)
ออสเตรีย-ฮังการี

ประเทศต่างๆในจักรวรรดิออสเตรีย-ฮังการี:
ซิสเลอธาเนีย: 1. โบฮีเมีย, 2. บูโกวิน่า, 3. คารินเธีย, 4. คาร์นิโอล่า, 5. ดาลมาเทีย, 6. กาลิเซีย, 7. คืสเตนแลนด์, 8. โลเวอร์ ออสเตรีย, 9. โมราเวีย, 10. ซาร์ซบูร์ก, 11. ซีลีเซีย, 12. สตีเรีย, 13. ทีรอล, 14. อัปเปอร์ ออสเตรีย, 15. โวราร์ลเบิร์ก; ทรานส์เลอธาเนีย: 16. ราชอาณาจักรฮังการี, 17. ราชอาณาจักรโครเอเชีย-สลาโวเนีย, 18. บอสเนียและเฮอร์เซโกวีนาในออสเตรีย-ฮังการี
พื้นที่เขตทรานส์เลอธาเนีย (พื้นที่ฝั่งขวาของจักรวรรดิ)ออสเตรีย-ฮังการี คอนโดมีเนียม

ใกล้เคียง

จักรวรรดิออสเตรีย-ฮังการี จักรวรรดิญี่ปุ่น จักรวรรดิบริติช จักรวรรดิออตโตมัน จักรวรรดิมองโกล จักรวาลภาพยนตร์มาร์เวล จักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ จักรวรรดิโรมัน จักรวาลภาพยนตร์มาร์เวล: เฟสสอง จักรวรรดิรัสเซีย