อิทธิพลต่อมา ของ จิตรกรรมยุคทองของเนเธอร์แลนด์

“นักเดินทางรอเรือ” โดย ฟิลิปส์ วูเวอร์มัน, (ค.ศ. 1649); ภูมิทัศน์ที่มีลักษณะการเขียนของวูเวอร์มันที่จะต้องมีม้าขาวเด่นในภาพ การเจรจา” โดย เจอราร์ด เทอร์บอร์ค , (ราว ค.ศ. 1654)

ความสำเร็จของจิตรกรรมดัตช์ในคริสต์ศตวรรษที่ 17 ที่เหนือกว่านักเขียนรุ่นก่อน ๆ อย่างเห็นได้ชัด และหลังจากนั้นในคริสต์ศตวรรษที่ 18 และ 19 ก็ไม่มีจิตรกรดัตช์มีชื่อเสียงนอกเนเธอรแลนด์ และเมื่อมาถึงปลายสมัยจิตรกรก็เริ่มบ่นกันว่าผู้ซื้อมีความสนใจงานเขียนของจิตรที่เสียชีวิตไปแล้วมากกว่างานเขียนของผู้ยังมีชีวิตอยู่

จิตรกรยุคทองของเนเธอร์แลนด์เป็นส่วนสำคัญของผู้ที่ถือกันว่าเป็นจิตรกรรมชั้นครู ซึ่งเป็นคำที่คิดขึ้นโดยศิลปินดัตช์ในคริสต์ศตวรรษที่ 18 เอง ตัวอย่างเช่นงานเขียนของฟิลิปส์ วูเวอร์มันซึ่งมีด้วยกันกว่า 60 ชิ้นที่หอจิตรกรรมชั้นครูแห่งเดรสเดน และอีกกว่า 50 ชิ้นที่พิพิธภัณฑ์เฮอร์มิทาจในรัสเซีย[57] แต่ชื่อเสียงของงานในช่วงนี้อยู่ลักษณะการเขียนที่เปลี่ยนแปลงไปเรื่อย ๆ เช่นความเปลี่ยนแปลงของงานเขียน แรมบรังด์ โดยเฉพาะตั้งแต่สมัยโรแมนติค จิตรกรอื่นก็แสดงให้เห็นจากฐานะที่ดีขึ้นมาและราคาของภาพเขียนที่เรียกร้องจากตลาดได้ ในปลายสมัยนักเขียนบางคนที่เขียนภาพในไลเดนก็ประสบความสำเร็จและมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักกันโดยทั่วไป ตั้งแต่กลางคริสต์ศตวรรษที่ 19 เป็นต้นมางานสัจนิยมของจิตรกรรมประเภทต่าง ๆ ก็มาได้รับความสนใจเป็นอันมาก[58] โยฮันส์ เวร์เมร์ผู้ที่เป็นจิตรกรที่แทบจะไม่เป็นที่รู้จักกลายมามีชื่อเสียงก็คริสต์ศตวรรษที่ 19 ซึ่งเมื่อมาถึงช่วงนั้นงานหลายชิ้นของเวเมร์ก็ได้รับการระบุว่าเขียนโดยจิตรกรผู้อื่นไปแล้ว แต่การที่งานเขียนของเวเมร์เป็นส่วนหนึ่งของงานสะสมสำคัญ ๆ ที่เชื่อกันว่าเขียนโดยจิตรกรผู้อื่น แสดงให้เห็นถึงคุณภาพของการเขียนภาพแต่ละภาพที่ดีพอที่ทำให้เป็นที่รู้จักกันกันโดยทั่วไป แม้ว่างานทั้งกลุ่มจะยังไม่สามารถระบุได้แน่นอนว่าเป็นงานที่เขียนโดยเวเมร์จนกระทั่งในเวลาต่อมาก็ตาม[59] แม้ในช่วงเวลาต่อมาก็ยังมีจิตรกรอื่นก็ได้รับการดึงขึ้นมาจากการเป็นจิตรกรที่ไม่มีชื่อเสียงเท่าใดนัก มาเป็นจิตรกรที่รู้จักกันเช่นงานเขียนภาพนิ่งอย่างง่าย ๆ โดยอาเดรียน คูร์ท (Adriaen Coorte) ในคริสต์ทศวรรษ 1950[60] และจิตรกรภูมิทัศน์ยาโคบัส มัคาเดน (Jacobus Mancaden) และ ฟรันส์ โพสต์เมื่อต้นคริสต์ศตวรรษนี้เอง[61] เป็นต้น

ภาพชีวิตประจำวันของดัตช์มีชื่อเสียงมาเป็นเวลานาน แต่ในช่วงแรกก็มิได้รับการยกย่องกันเท่าใดนัก โจชัว เรย์โนลด์สจิตรกรผู้มีชื่อเสียงของอังกฤษของคริสต์ศตวรรษที่ 18 ทางการเขียนแบบศิลปะสถาบันออกความเห็นเกี่ยวกับศิลปะดัตช์ไว้หลายข้อ เรย์โนลด์สประทับใจในภาพ “สตรีเทนม” ที่เขียนโดยเวร์เมร์ และความมีชีวิตชีวาของภาพเหมือนโดยฮาลส์ แต่ก็ออกความเห็นว่าเสียดายที่ฮาลส์ขาด “ความอดทน” พอที่จะเขียนภาพให้เสร็จอย่างถูกต้อง และรำพึงว่าเสียดายที่ยาน สตีนไม่ได้เกิดในอิตาลีและได้รับอิทธิพลของงานเขียนของยุคฟื้นฟูศิลปวิทยา ไม่เช่นนั้นความสามารถก็อาจจะนำไปใช้ในทางที่ดีขึ้นกว่าที่เห็นอยู่[62] แต่ในสมัยของเรย์โนลด์สความหมายซ่อนเงื่อนทางจริยธรรมของการเขียนภาพชีวิตประจำวันของดัตช์ก็เริ่มยากที่จะเข้าใจกันแล้ว หรือแม้แต่ในเนเธอร์แลนด์เอง ตัวอย่างที่สำคัญก็ได้แก่ภาพเขียนชื่อ “การเจรจา” (The Gallant Conversation) ที่เขียนโดย เจอราร์ด เทอร์บอร์ค ที่เขียนราว ค.ศ. 1654 ภาพนี้ได้รับการสรรเสริญโดยเกอเธอว่าเป็นงานที่ละเอียดอ่อนในการแสดงภาพของพ่อที่กำลังดุสั่งสอนลูกสาว แต่นักวิชาการสมัยใหม่บางคนมีความเห็นว่าเป็นภาพการเลือกสตรีที่เกิดขึ้นภายในสถานที่สำหรับทำการค้าประเวณี ภาพนี้มีด้วยกันสองภาพ (เบอร์ลิน และ อัมสเตอร์ดัม) และไม่ทราบกันอย่างเป็นที่แน่นอนว่า “เหรียญบ่งความคิด” ในมือของชายที่นั่งอยู่ถูกลบออกไปหรือเขียนทับในภาพทั้งสองภาพ[63]

ในครึ่งหลังของคริสต์ศตวรรษที่ 18 ภาพสัจนิยมแบบพื้นฐาน (down to earth) แทนที่จะเป็นภาพชนชั้นสูงก็เป็นที่นิยมของพรรควิกในอังกฤษ และในฝรั่งเศสก็มีความสัมพันธ์กับเหตุผลนิยมของยุคเรืองปัญญาที่เป็นแรงบันดาลใจให้การปฏิรูปของสังคม[64] ในคริสต์ศตวรรษที่ 19 เมื่อสัจนิยมเป็นที่ยอมรับและนับถือกันโดยทั่วไป และทฤษฎีการจัดลำดับคุณค่าของศิลปะหมดความนิยมลง จิตรกรร่วมสมัยก็เริ่มยืมความคิดจากจิตรกรภาพชีวิตประจำวันทั้งมุมมองของสัจนิยมและการใช้สิ่งต่างในภาพในการสื่อเนื้อหาของภาพ และเขียนภาพที่มีหัวข้อที่คล้ายคลึงกันแต่มีขนาดที่ใหญ่กว่าของจิตรกรดัตช์มาก

ในด้านการเขียนภาพภูมิทัศน์ จิตรกรดัตช์ที่เขียนงานแบบอิตาลี (Italianate artist) เป็นกลุ่มที่มีอิทธิพลมากที่สุดและเป็นที่นับถือกันมากที่สุดในคริสต์ศตวรรษที่ 18 แต่จิตรกรโรแมนติคชาวอังกฤษเช่นจอห์น คอนสตาเบิลประณามว่าเป็นงานที่ "แปลกปลอม" (artificiality) และหันไปนิยมจิตรกรที่เขียนแบบ tonal และ คลาสสิกแทนที่[65] แต่โดยทั่วไปแล้วทั้งจิตรกรรมชีวิตประจำวันและภูมิทัศน์มีอิทธิพลและเป็นที่นิยมต่อมจนถึงคริสต์ศตวรรษที่ 19

ใกล้เคียง

จิตรกรรมสมัยฟื้นฟูศิลปวิทยาในอิตาลี จิตรกรรมฝาผนัง จิตรกรรมยุคทองของเนเธอร์แลนด์ จิตรกรรมบารอกแบบเฟลมิช จิตรกรรม จิตรกรรมไทยประเพณี จิตรกรรมเนเธอร์แลนด์เริ่มแรก จิตรกรรมแผง จิตรกรรมภูมิทัศน์ จิตรกรรมไทย