ฮองไทเฮา ของ ฉื่ออี้ไทเฮา

ก่อนที่จักรพรรดิหมิงอิงจงจะสวรรคตได้สั่งเสียหวงไท่จื่อจู เจี้ยนเซิน ไว้ว่าจะต้องกตัญญูต่อเฉียนฮองเฮา และพระบรมราชอิสริยยศของเฉียนฮองเฮาถูกกำหนดไว้แล้ว แต่พระองค์ก็ยังคงรู้สึกไม่สบายพระทัย เพราะรู้ดีว่ายังไงลูกก็ต้องเชื่อฟังแม่ จึงได้สั่งเสียกับหลี่ เซี่ยน (李贤) ไว้ว่าในอนาคตเฉียนฮองเฮาจะต้องถูกฝังไว้กับพระองค์ภายในสุสานหลวง เมื่อพระราชประสงค์เป็นเช่นนี้หลี่ เซี่ยนจึงเพิ่มประโยคนี้ในพระบรมราชโองการ

เมื่อหวงไท่จื่อจู เจี้ยนเซิน ขึ้นครองบัลลังก์ในฐานะจักรพรรดิ[10]) ได้มีการหารือเกี่ยวกับการสถาปนาฮองไทเฮา ตามหลักจักรพรรดิเฉียนในฐานะจักรพรรดินีในจักรพรรดิรัชกาลก่อนจะต้องได้เป็นฮองไทเฮา

โจวกุ้ยเฟยได้ส่ง เซีย ซื่อ (夏时) ขันทีไปที่ประชุนของเหล่าขุนนางเพื่อประกาศพระเสาวนีย์ว่า เฉียนฮองเฮาทรงทุพพลภาพ อีกทั้งยังไม่มีพระราชโอรสธิดา จึงไม่มีคุณสมบัติที่จะถูกเรียกว่าฮองไทเฮา โจวกุ้ยเฟยในฐานะพระราชมารดาของจักรพรรดิ ควรได้เป็นฮองไทเฮา และเฉียนฮองเฮาสมควรถูกปลดไปตั้งนานแล้ว ตามแบบอย่างของหู๋ฮองเฮาในอตีด

เมื่อกล่าวจบ หลี่ เซี่ยนในฐานะอุปราช ไม่เห็นด้วยกับความคิดของโจวกุ้ยเฟยอย่างแข็งขัน หลี่ เซี่ยนกล่าวว่า "พระบรมราชโองการของจักรพรรดิผู้ล่วงลับได้รับการสรุปแล้ว จะเปลี่ยนแปลงได้อย่างไร" เมื่อกล่าวจบมหาอำมาตย์เผิ่งซื่อ (大学士彭时) แสดงท่าทีเห็นด้วยกับหลี่ เซี่ยน ด้วยการกล่าวว่า "บรรพบุรุษทุกชั่วอายุคน เทพเจ้าฟ้าดินเป็นพยานอยู่เหนือเรา ในเมื่อจักรพรรดิปกครองราษฎรด้วยหลักกตัญญู พระองค์จะเคารพมารดาผู้ให้กำเนิด แต่ไม่เคารพมารดาตามกฎหมายได้อย่างไร" เมื่อกล่าวจบขุนนางทั้งหลายต่างเห็นด้วย โจวกุ้ยเฟยจึงไม่สามารถทำอะไรได้นอกจากยอมรับความจริงว่าจักรพรรดินีเฉียนจะต้องเป็นฮองไทเฮา

เดือนมีนาคมปี รัชศกเทียนซุ่นปีที่ 8 (ค.ศ. 1464) สองเดือนหลังจากการสวรรคตของจักรพรรดิหมิงอิงจง เฉียนฮองเฮาได้รับการสถาปนาเป็นฮองไทเฮา เฉลิมพระนามาภิไธยว่า ฉื่ออี้ไทเฮา และโจวกุ้ยเฟยได้เป็นฮองไทเฮา