การจัดการบริหาร ของ ช่องไขสันหลังที่เอวตีบ

การบำบัดที่ไม่ใช่เป็นการผ่าตัด และการตัดแผ่นกระดูกปกไขสันหลัง (laminectomy) เป็นวิธีการรักษามาตรฐานของ LSS[25]แพทย์ปกติจะแนะนำการรักษาซึ่งเสี่ยงน้อยที่สุด (conservative คือแบบธรรมดา)[6]แนะนำให้เลี่ยงการออกแรงที่หลังส่วนล่าง โดยเฉพาะเมื่อกระดูกสันหลังยืดออกและอาจแนะนำกายภาพบำบัดเพื่อเพิ่มความแข็งแรงทั่วไปของร่างกาย และให้ออกกำลังกายเพิ่มประสิทธิภาพของปอดและหัวใจ[6]แต่หลักฐานวิทยาศาสตร์ทั่วไปยังสรุปไม่ได้ว่าการรักษาที่เสี่ยงน้อยหรือการผ่าตัดดีกว่ากัน[26]

ยา

หลักฐานการใช้ยาเพื่อรักษาอาการนี้ไม่ดี[27]ฮอร์โมน calcitonin สำหรับฉีดแต่ไม่ใช่สำหรับสูดทางจมูก มีประโยชน์บรรเทาความปวดในระยะสั้น[27]การสะกดประสาทโดยฉีดยาเข้าที่ช่องไขสันหลัง (Epidural block) อาจลดความปวดได้ชั่วคราว แต่ไม่มีหลักฐานว่ามีผลระยะยาว[27]การเพิ่มฉีดสเตอรอยด์ด้วยก็ไม่ได้เพิ่มประสิทธิผล[27][28]และการฉีดสเตอรอยด์เข้าที่ช่องไขสันหลัง (epidural steroid injections, ESIs) ก็เป็นวิธีรักษาที่สร้างความขัดแย้ง และหลักฐานว่ามีประสิทธิผลก็ไม่ชัดเจน[6]

ยาแก้อักเสบชนิดไม่ใช่สเตอรอยด์ (NSAID) ยาคลายกล้ามเนื้อ และยาระงับปวดกลุ่มโอปิออยด์บ่อยครั้งใช้แก้ความปวดหลัง แต่หลักฐานว่ามีประสิทธิผลหรือไม่ก็มีน้อยมาก[6]

การผ่าตัด

การผ่าตัดดูจะให้ผลดีกว่าถ้าได้พยายามรักษาตามปกติแต่ยังมีอาการอยู่หลังจาก 3-6 เดือน[29]การตัดแผ่นกระดูกปกไขสันหลังมีประสิทธิผลดีที่สุดในบรรดาการผ่าตัดทั้งหลาย[25]ในคนไข้ที่แย่ลงเมื่อรักษาด้วยวิธีปกติ การผ่าตัดจะทำให้ดีขึ้นในกรณี 60-70%[6]วิธีการผ่าตัดเพื่อใช้อุปกรณ์ยึดกับกระดูกสันหลังที่เรียกว่า X-STOP มีประสิทธิผลน้อยกว่าและจะมีค่าใช้จ่ายสูงกว่าเมื่อต้องแก้ปัญหาลำกระดูกสันหลังมากกว่า 1 ลำ[25]การผ่าตัดด้วยวิธีทั้งสองต่างก็มีค่าใช้จ่ายสูงกว่าการรักษาธรรมดา[25]

แหล่งที่มา

WikiPedia: ช่องไขสันหลังที่เอวตีบ http://www.diseasesdatabase.com/ddb31116.htm http://www.icd9data.com/getICD9Code.ashx?icd9=723.... http://www.icd9data.com/getICD9Code.ashx?icd9=724.... http://www.mayoclinic.com/health/spinal-stenosis/D... http://www.neurologyindia.com/article.asp?issn=002... //pubmed.ncbi.nlm.nih.gov/10708989 //pubmed.ncbi.nlm.nih.gov/12391459 //pubmed.ncbi.nlm.nih.gov/1277669 //pubmed.ncbi.nlm.nih.gov/12961079 //pubmed.ncbi.nlm.nih.gov/13163105