การวินิจฉัย ของ ช่องไขสันหลังที่เอวตีบ

กระดูกสันหลังที่เอวปกติจะมีช่องไขสันหลังกลมใหญ่

การวินิจฉัยจะขึ้นอยู่กับสิ่งที่แพทย์ตรวจพบ[6]คนไข้บางคนอาจมีช่องไขสันหลังตีบโดยไม่มีอาการ และไม่จำเป็นต้องรักษาช่องอาจตีบแบบตรงกลาง (central stenosis) หรือที่รูประสาทผ่าน (foraminal stenosis) ออกจากช่องไขสันหลังส่วนการตีบมากที่ด้านข้างของช่องเรียกว่า lateral recess stenosis (ช่องไขสันหลังตีบที่ซอกข้าง ๆ)

เอ็น ligamentum flavum (เอ็นสีเหลือง) เป็นโครงสร้างสำคัญที่อยู่ชิดกับส่วนหลังของ dural sac (ปลอกเยื่อดูรา) และสามารถหนาขึ้นเป็นเหตุต่อช่องไขสันหลังตีบหน้าประกอบข้อต่อ (articular facet) ซึ่งอยู่ที่ส่วนหลังของสันกระดูกก็สามารถหนาใหญ่ขึ้นเป็นเหตุต่อช่องไขสันหลังตีบได้เช่นกันความเปลี่ยนแปลงเยี่ยงนี้มักจะเรียกว่า “trophic changes” หรือ “facet trophism” ในรายงานแพทย์รังสีวิทยาเมื่อช่องเล็กลงจนกลายเป็นรูป 3 เหลี่ยม ก็จะเรียกว่า trefoil canal (ช่องสามเหลี่ยม)[ต้องการอ้างอิง]

ช่องไขสันหลังที่เอวปกติมีเส้นผ่านศูนย์กลางจากหน้าไปหลังมากกว่า 13 มม. และมีพื้นที่ 1.45 ซม2จะค่อนข้างตีบก็เมื่อเส้นผ่านศูนย์กลางอยู่ระหว่าง 10-13 มม.และจะตีบจริง ๆ เมื่ออยู่ที่ 10 มม. หรือน้อยกว่า[11][12][13]

ภาพเอ็กซเรย์ธรรมดาของกระดูกสันหลังที่เอวหรือคออาจจะไม่แสดงช่องไขสันหลังตีบการวินิจฉัยที่แน่นอนจะทำด้วย CT Scan หรือ MRIการระบุว่าช่องแคบลงก็คือการวินิจฉัยว่ามีช่องไขสันหลังตีบ[14][15][16]

การทดสอบด้วยจักรยานของแวนเจลเดอเร็น

มีรายงานปี 2520 เกี่ยวกับการทดสอบด้วยจักรยานของแวนเจลเดอเร็นซึ่งเป็นการทดสอบแบบง่ายที่ให้คนไข้ปั่นจักรยานอยู่กับที่ถ้าอาการเกิดจากโรคหลอดเลือดที่ขา คนไข้จะปวดขาเนื่องจากมีเลือดไปเลี้ยงขาไม่พอถ้าอาการมีเหตุจากช่องไขสันหลังที่เอวตีบ อาการจะดีขึ้นถ้าคนไข้โค้งตัวไปข้างหน้าเมื่อถีบจักรยานแม้จะมีวิธีการทดสอบที่ก้าวหน้ากว่าอื่น ๆ วิธีการทดสอบนี้ก็ยังมีค่าใช้จ่ายน้อยและง่าย เพื่อแยกแยะอาการปวดขาที่เกิดจากโรคหลอดเลือดหรือช่องไขสันหลังตีบ[17]

นักวิจัยของรายงานเขียนไว้ว่า "ผู้เขียนได้พรรณนาถึงการทดสอบทางคลินิกแบบง่ายอย่างหนึ่ง ที่เสริมการตรวจทางประสาททั่วไปสำหรับคนไข้ที่มีอาการกลุ่มรากประสาทคล้ายหางม้า (cauda equina compression) ถูกบีบเป็นระยะ ๆ 'การทดสอบด้วยจักรยาน' ช่วยกันอาการปวดขาเป็นระยะ ๆ เนื่องจากความบกพร่องของหลอดเลือด และบ่อยครั้งช่วยยืนยันความสัมพันธ์ระหว่างอากัปกิริยากับความปวดที่เกิดจากรากประสาท"

การสร้างภาพด้วย MRI

MRI เป็นวิธีที่ดีที่สุดเพื่อวินิจฉัยและประเมินช่องไขสันหลังตีบที่กระดูกสันหลังทุกช่วง ร่วมทั้งที่คอ ที่อก และที่เอว[18][19]MRI มีประโยชน์ในการวินิจฉัยโรคไขสันหลังเหตุกระดูกไขสันหลังที่คอเสื่อม (เพราะข้ออักเสบแบบเสื่อมของกระดูกสันหลังที่คอ สัมพันธ์กับความเสียหายของไขสันหลัง)[20]การพบความเสื่อมของไขสันหลังที่คอโดยใช้ MRI อาจดูน่ากลัวเป็นอาการที่เรียกว่า myelomalacia หรือไขสันหลังเสื่อม (cord degeneration)และจะเห็นเป็นส่วนที่สว่างกว่า (increased signal) ในภาพ MRIในโรคไขสันหลังที่เกิดจากความเสื่อม อาการที่พบจะคงถาวรและการตัดแผ่นกระดูกปกไขสันหลังเพื่อลดแรงกด (decompressive laminectomy) จะไม่สามารถคืนสภาพอาการเช่นนี้แต่สามารถหยุดอาการไม่ให้แย่ลงในกรณีที่ความเปลี่ยนแปลงที่พบในภาพ MRI มีเหตุจากการขาดวิตามินบี12 โอกาสหายก็จะดีกว่า[21][22][23]

เกณฑ์การวินิจฉัย

การตรวจพบช่องไขสันหลังตีบที่คอ ที่อก หรือที่เอว จะยืนยันเพียงแค่ลักษณะทางกายวิภาคที่แสดงว่ามีการตีบแต่อาจไม่สัมพันธ์กับอาการช่องไขสันหลังตีบซึ่งจะปรากฏเป็นอาการโรครากประสาท (radiculopathy) อาการปวดขาเหตุประสาท (neurogenic claudication) กะปลกกะเปลี้ย ปัญหาการถ่ายปัสสาวะอุจจาระ กล้ามเนื้อกระตุก (spasticity) กล้ามเนื้อไม่มีแรง ภาวะรีเฟล็กซ์เกิน (hyperreflexia) และกล้ามเนื้อฝ่ออาการเหล่านี้ ซึ่งพบโดยประวัติคนไข้และการตรวจของแพทย์ พร้อมกับภาพแสดงช่องไขสันหลังตีบจาก MRI หรือ CT Scan จะพอให้วินิจฉัยว่ามีอาการช่องไขสันหลังตีบ[24]

แหล่งที่มา

WikiPedia: ช่องไขสันหลังที่เอวตีบ http://www.diseasesdatabase.com/ddb31116.htm http://www.icd9data.com/getICD9Code.ashx?icd9=723.... http://www.icd9data.com/getICD9Code.ashx?icd9=724.... http://www.mayoclinic.com/health/spinal-stenosis/D... http://www.neurologyindia.com/article.asp?issn=002... //pubmed.ncbi.nlm.nih.gov/10708989 //pubmed.ncbi.nlm.nih.gov/12391459 //pubmed.ncbi.nlm.nih.gov/1277669 //pubmed.ncbi.nlm.nih.gov/12961079 //pubmed.ncbi.nlm.nih.gov/13163105