รัชสมัยตอนปลาย ของ ซุนโฮ_(ซุน_เฮ่า)

ในต้นปี พ.ศ. 815 ในช่วงกลางฤดูหนาว พระเจ้าซุนโฮได้เปิดฉากการโจมตีครั้งใหญ่ต่อราชวงศ์จิ้นเป็นการส่วนพระองค์ และพระองค์ทรงพาเหอไทเฮา พระมารดาของพระองค์ พระจักรพรรดินีเตง พระอัครมเหสีของพระองค์ และพระสนมอีกหลายพันคนในฝ่ายในวังของพระองค์ ด้วยการประทับรถเกวียนซึ่งใช้แรงงานหนักจากทหารเพื่อลากจูง ทำให้ทหารต่างบ่นพึมพำถึงความเป็นไปได้ที่จะแปรพักตร์ เพียงภายหลังพระเจ้าซุนโฮทรงพระสดับถึงความเป็นไปได้นี้ พระองค์ทรงตัดสินพระทัยด้วยการรับสั่งยกเลิกและเดินทางกลับไปยังเจี้ยนเย่ บั้นเฮ็กและขุนพลอาวุโสนามว่า เตงฮอง และหลิวผิง(留平) ได้พิจารณาที่จะกลับไปยังเจี้ยนเย่โดยพลการก่อนที่พระเจ้าซุนโฮทรงเลือกที่จะรับสั่งยกเลิก เมื่อพระเจ้าซุนโฮทรงทราบเรื่องนี้เข้า พระองค์ทรงรู้สึกกริ้วต่อพวกเขาในโทษฐานที่แม่ทัพขุนพลบังอาจทอดทิ้งพระจักรพรรดิ

ต่อมาในปีนั้น ในที่สุดกองกำลังอู๋สามารถกอบกู้มณฑลเจียวโจวจากฝ่ายกบฎที่ยอมสวามิภักดิ์ต่อราชวงศ์จิ้น ซึ่งยืดเยื้อมาตั้งแต่ พ.ศ. 807(ในรัชสมัยพระเจ้าซุนฮิว) สิ่งนี้ทำให้พระเจ้าซุนโฮทรงมีกำลังพระทัยและพระองค์ยังคงวางแผนปฏิบัติการทางทหารเพื่อต่อต้านราชวงศ์จิ้นอย่างจริงจัง แม้ว่าพระองค์จะให้ขุนพลของพระองค์นามว่า Tao Huang มีหน้าที่รับผิดชอบในเจียวโจวและ Tao Huang สามารถบริหารมณฑลได้อย่างมีประสิทธิภาพ มณฑลแห่งนั้นไม่เคยก่อการกบฎอีกเลยตลอดระยะเวลาที่พระเจ้าซุนโฮครองราชย์

ใน พ.ศ. 813 องโยย ผู้ว่าราชการมณฑลแห่งอี้โจว ด้วยการสนับสนุนของพระเจ้าสุมาเอี๋ยน ได้ริเริ่มสร้างกองเรือขนาดใหญ่โดยมีแผนการที่จะใช้กองเรือในการพิชิตอู๋ในที่สุด ในขณะที่เศษไม้จากพื้นที่โครงการต่อเรือได้ลอยลงมาในแม่น้ำแยงซี ขุนพลรัฐอู๋นามว่า ง่อเอี๋ยน ตระหนักได้ว่าเกิดอะไรขึ้นและร้องขอให้เสริมป้องกันแนวชายแดนด้านตะวันตกเฉียงเหนือ แต่พระเจ้าซุนโฮทรงปฏิเสธ

ต่อมาใน พ.ศ. 813 พระเจ้าซุนโอทรงดำเนินการที่จะนำไปสู่การก่อการกำเริบครั้งใหญ่ โดยทรงรับสั่งเรียกเปาเสี้ยน ขุนพลที่มีหน้าที่รับผิดชอบเมืองเสเหลง(อี้ชาง มณฑลหูเป่ยในปัจจุบัน) กลับมายังเจี้ยนเย่อันเป็นเมืองหลวง ด้วยความกลัวว่าเขากำลังจะถูกรับสั่งลงโทษด้วยเหตุผลอย่างใดอย่างหนึ่ง เปาเสี้ยนจึงก่อการกบฎและแปรพักตร์ให้กับราชวงศ์จิ้น ในขณะที่ลกข้องสามารถเอาชนะเปาเสี้ยนได้ในที่สุดและกอบกู้เมืองเสเหลงกลับคืนมาสู่รัฐอู๋ ด้วยความไม่ไว้วางใจที่มีต่อพระจักรพรรดิของเหล่าขุนพลฝ่ายอู๋ไดู้ถูกเปิดเผยอย่างละเอียดและเหล่าขุนพลฝ่ายจิ้นเริ่มมีความกล้าที่จะเสนอแผนการพิชิตพระจักรพรรดิของพวกเขา

ในปีเดียวกัน พระเจ้าซุนโฮทรงเคียดแค้นต่อบั้นเฮ็กและหลิวผิงจากการที่พวกเขาทอดทิ้งพระองค์และกลับไปยังเจี้ยนเย่โดยพลการ ได้พยายามวางยาพิษแก่ทั้งสองคน ทั้งคู่ไม่ตาย แต่เมื่อพวกเขาพบว่าพระเจ้าซุนโฮเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการวางพิษ พวกเขาก็ไม่สามารถทำอะไรได้เลย บั้นเฮ็กได้กระทำอัตวินิบากกรรม ในขณะที่หลิวผิงถึงแก่อสัญกรรมด้วยตรอมใจตาย

ลกข้องถึงแก่อสัญกรรมใน พ.ศ. 817 ในคำสั่งเสียสุดท้ายของเขา เขาได้ขอให้พระเจ้าซุนโฮเสริมการป้องกันที่ชายแดนตะวันตกของอู๋ แต่พระเจ้าซุนโฮทรงไม่ทำเช่นนั้น นอกจากนี้ พระองค์ยังแบ่งกองกำลังของลกข้องออกเป็นหกกองบัญชาการทหารที่แตกต่างกัน แม้ว่าแต่ละกองจะถูกนำโดยหนึ่งในบุตรชายของลกข้อง

ใน พ.ศ. 818 รัฐมนตรีอาวุโสแห่งอู๋ He Shao (賀邵) ล้มป่วยเป็นโรคหลอดเลือดสมองและเป็นอัมพาต พระเจ้าซุนโฮทรงสงสัยว่าจะเสแสร้ง จึงรับสั่งจับกุมและทรมานด้วยการเฆี่ยนตีและตามมาด้วยเลื่อยและไฟ เขาจึงเสียชีวิตภายใต้การทรมานและครอบครัวตระกูลของเขาถูกเนรเทศ

ในอีกหลายปีต่อมา ประชาชนที่ต้องการประจบประแจงพระเจ้าซุนโฮมักจะนำเสนอของวิเศษมาถวายให้แก่พระเจ้าซุนโฮ(มีทั้งของจริงหรือถูกผลิตขึ้น) โดยอ้างว่าพระองค์จะสามารถทำลายราชวงศ์จิ้นและรวมแผ่นดินจีนเป็นหนึ่งได้ในที่สุด ธรรมชาติที่เชื่อเรื่องโชคลางของพระเจ้าซุนโฮยิ่งกระตุ้นมากขึ้น และพระองค์ใช้ความพยายามทั้งหมดที่มีในแผนการพิชิตราชวงศ์จิ้น