ภาพลักษณ์ทางวัฒนธรรมและทางการเมือง ของ บารัก_โอบามา

บารัก โอบามากับอดีตประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู. บุช, จิมมี คาร์เตอร์, จอร์จ เอช. ดับเบิลยู. บุช, และบิล คลินตัน ในห้องทำงานรูปไข่เมื่อวันที่ 7 มกราคม ค.ศ. 2009

โอบามามีพ่อเป็นชาวเคนยา แม่เป็นชาวอเมริกันผิวขาว เขาได้รับการอบรมสั่งสอนในวัยเด็กที่โฮโนลูลู และจาการ์ตา จบจากไอวีลีก ประสบการณ์ชีวิตในช่วงวัยเริ่มต้นของโอบามาแตกต่างอย่างเห็นได้ชัด จากนักการเมืองอเมริกันเชื้อสายแอฟริกันเหล่านั้น ผู้ซึ่งดำเนินวิถีทางของพวกเขาเอง ใน ค.ศ. 1960 พวกเขามีแนวคิดในการมีส่วนร่วมเคลื่อนไหวทางการเมืองเกี่ยวกับสิทธิพลเมือง[221] การแสดงความงุนงงให้เห็นเกี่ยวกับคำถามที่ว่าเขาดำพอแล้วหรือยัง โอบามากล่าวในการประชุมที่สมาคมนักหนังสือพิมพ์ของคนผิวดำแห่งชาติ เมื่อเดือนสิงหาคม ค.ศ. 2007 ว่าการอภิปรายไม่เกี่ยวข้องกับร่างกาย หรือนโยบายของเขาที่จดบันทึก ที่เป็นห่วงถึงผู้ออกเสียงที่เป็นคนผิวดำ โอบามากล่าวว่า "เรายังคงติดแน่นอยู่กับความรู้สึกนี้ที่ว่าถ้าคุณไปอ้อนวอนแต่พวกผิวขาวก็เหมือนกับว่าคุณกำลังทำอะไรผิด"[222]

โอบามาแถลงการณ์ประธานาธิบดีฉบับแรก ชี้แจงถึงรัฐบัญญัติฟื้นฟูเศรษฐกิจและการลงทุน ค.ศ. 2009

เสียงสะท้อนจากคำแถลงการณ์ ในการเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีอย่างเป็นทางการของ จอห์น เอฟ. เคนเนดี โอบามายอมรับความจริงเกี่ยวกับภาพพจน์ของเขาในตอนแรกเริ่ม ในการกล่าวสุนทรพจน์เกี่ยวกับการรณรงค์หาเสียงเมื่อเดือนตุลาคม ค.ศ. 2007 ว่า "ข้าพเจ้าจะไม่อยู่ที่นี่อีกเป็นอันขาด ถ้าหากว่าตะเกียงยังไม่ได้จุดขึ้นมาใหม่"[223] และมีสำนวนที่กินใจอยู่สำนวนหนึ่งคือ "Rosa sat so Martin could walk; Martin walked so Obama could run."[224]

โอบามายังได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญในการปราศรัยต่อสาธารณชน เมื่อเทียบกับนักพูดที่มีชื่อเสียงในอดีต อย่างมาร์ติน ลูเทอร์ คิง จูเนียร์[225][226] คำกล่าวของเขาที่มีชื่อเสียง เช่น "Yes We Can" ซึ่งเป็นคำพูดที่อยู่ในดนตรีที่สร้างขึ้นมาโดย วิล.ไอ.แอม มีประชาชนทั่วโลกกว่า 10 ล้านคนดูวิดีโอนี้ทางเว็บยูทูบ (YouTube.com) เพียงแค่ 7 เดือนแรกเท่านั้น[227] และยังได้รับรางวัลเอ็มมีอีกด้วย[228] ศาสตราจารย์ Jonathan Haidt แห่ง มหาวิทยาลัยเวอร์จิเนีย ได้วิจัยประสิทธิผลจากการพูดของโอบามาในที่สาธารณะ และมีเหตุผลที่สรุปได้ว่ามีประสิทธิผลมาก เพราะนักการเมืองมักมีความช่ำชองในการพูดปลุกเร้าอารมณ์ และปรารถนาที่จะประพฤติตนเป็นคนดีมีศีลธรรมต่อผู้อื่น[229] ส่วนการชี้แจงถึงนโยบายต่าง ๆ และการบริหารราชการแผ่นดิน ตลอดระยะที่ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีนั้น โอบามามีแผนที่จะจัดรายการโทรทัศน์เพื่อพบปะกับประชาชน เหมือนกับรายการ "ไฟล์ไซต์ แชท" ที่โด่งดังของประธานาธิบดีแฟรงกลิน ดี. โรสเวลต์[230]

นักวิเคราะห์หลายคนได้อ้างถึงการเป็นที่สนใจของต่างชาติของโอบามา เป็นการให้คำจำกัดความสำหรับภาพพจน์ของเขา[231] ไม่เพียงแต่โพลจากหลายสำนัก ที่แสดงพลังสนับสนุนอันแข็งแกร่งในต่างประเทศ[232] แต่โอบามายังได้สร้างความสัมพันธ์อันแนบแน่นกับนักการเมืองที่มีชื่อเสียง อย่างเช่น โทนี แบลร์ อดีตนายกรัฐมนตรีสหราชอาณาจักร ซึ่งพบกันใน ค.ศ. 2005[233], วอลเตอร์ เวลโทนี หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ของอิตาลี ที่มาเยี่ยมเยียนยังสำนักงานวุฒิสภาของโอบามาใน ค.ศ. 2005[234] และนีกอลา ซาร์กอซี ประธานาธิบดีฝรั่งเศส ซึ่งเคยมาเยี่ยมเยียนโอบามาใน ค.ศ. 2006 ที่วอชิงตัน ดี.ซี.[235]

โอบามาชนะรางวัลแกรมมีในหมวดหมู่รางวัล Best Spoken Word Album จากการตัดต่อคำพูดลงในเทปบันทึกของหนังสือ "Dreams from My Father" ในเดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ. 2006 และ "The Audacity of Hope" ในเดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ. 2008[236]

ในเดือนธันวาคม ค.ศ. 2008 นิตยสารไทม์เลือกบารัก โอบามาให้เป็นบุคคลแห่งปีของนิตยสารไทม์ ประจำปี 2008[237] วันที่ 8 ตุลาคม ค.ศ. 2009 ให้บารัก โอบามา ได้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพโดยข้อความที่ได้รับรางวัล คือ "สำหรับความพยายามในการสร้างความเข้มแข็งให้แก่การทูตระหว่างประเทศและความร่วมมือระหว่างผู้คนทั่วโลก"

แหล่งที่มา

WikiPedia: บารัก_โอบามา http://74.125.95.104/search?q=cache:joI6vZO9y4UJ:m... http://www.canberratimes.com.au/news/local/news/ge... http://www.news.com.au/heraldsun/story/0,21985,238... http://www.theage.com.au/world/a-classic-orator-ob... http://www.abc.net.au/news/stories/2008/09/09/2360... http://www.chinadaily.com.cn/world/2009-01/23/cont... http://www.baltimoresun.com/news/nation/politics/c... http://www.baltimoresun.com/news/nationworld/polit... http://www.barackobama.com/ http://www.barackobama.com/2002/10/02/remarks_of_i...