สนับสนุนโดย ISI ของปากีสถาน
[4][5] กองทัพบกปากีสถาน Special Services Group[4]ปฏิบัติการดาวน้ำเงิน (Operation Blue Star) เป็นรหัสชื่อของการปฏิบัติการทางทหารที่กองทัพอินเดียเริ่มในระหว่างวันที่ 1 และ 8 มิถุนายน 1984 เพื่อกำจัดหัวหน้ากองกำลังซิกข์ติดอาวุธ
Jarnail Singh Bhindranwale และสมุนออกจากหมู่อาคารของ
หริมันทิรสาหิบ (วิหารทอง) ใน
อมฤตสระ รัฐปัญจาบ ประเทศอินเดีย การตัดสินใจนี้เป็นของ
นายกรัฐมนตรีอินเดียในขณะนั้น
อินทิรา คานธี[10] เหตุการณ์เริ่มต้นในเดือนกรกฎาคม 1982 เมื่อ
Harchand Singh Longowal ประธานพรรคการเมืองซิกข์
อากลิดาล (Akali Dal) เชิญชวนให้ Bhindranwale มาอาศัยในหมู่อาคารหริมันทิรสาหิบเพื่อหลบหลีกการจับกุม
[11][12] ต่อมา Bhindranwale ได้ทำให้วิหารอันเป็นที่เคารพของศาสนิกชนทั่วโลกกลายเป็น
คลังแสงและสำนักงานใหญ่สำหรับ
ขบวนการขาลิสถาน[13]หน่วยข่าวกรองอินเดียได้รายงานว่าหัวหน้าหลักสามคน คือ
Shabeg Singh, Balbier Singh และ
Amrik Singh ได้เดินทางไปปากีสถานถึง 6 ครั้งในรอบระหว่างปี 1981 และ 1983.
[4] นอกจากนี้ยังระบุว่ามีการจัดการฝึกซ้อมอาวุธใน
คุรุทวาราต่าง ๆ ใน
รัฐชัมมูและกัศมีร์ และ
รัฐหิมาจัลประเทศ และมีรายงานว่าหน่วยข่าวกรองโซเวียต
KGB ได้ให้ความร่วมมือกับแผนการในปัญจาบ แทนที่จะร่วมมือกับหน่วยงานสำนักข่าวกรอง RAW ของอินเดีย,
CIA ของสหรัฐ และ
ISI ต่อมา RAW ได้รับข้อมูลว่า
Special Service Group ที่ได้รับการฝึกแล้วกว่าพันคนจากหน่วยคอมมานโดของ
กองทัพปากีสถานได้รับคำสั่งให้เดินทางเข้ามายังปัญจาบของอินเดีย เพื่อช่วยเหลือ Bhindranwale ในการต่อสู้กับรัฐบาลอินเดียในวันที่ 1 มิถุนายน 1984 หลังการต่อรองกับกองกำลังขาลิสถานล้มเหลว
อินทิรา คานธีจึงตัดสินใจออกคำสั่งให้ปฏิบัติการดาวน้ำเงิน
[14] กองพลจากหลายกองทัพและภาคส่วนเดินทางเข้ามาล้อมหมู่อาคารวิหารทองในวันที่ 3 มิถุนายน 1984 กองทัพมีการใช้โทรโข่งเพื่อเจรจาให้กองกำลังขาลิสถานยอมจำนน และยังได้ร้องขอให้กองกำลังปล่อยศาสนิกชนบริสุทธิ์ผู้มาแสวงบุญในวิหารที่ถูกกักไว้ภายในออกมาก่อนที่จะทำการปะทะ อย่างไรก็ตามไม่มีการยอมจำนนหรือปล่อยประชาชนผู้บริสุทธิ์ออกมาจากวิหารจนกระทั่งวันที่ 5 มิถุนายน เวลา 1 ทุ่มตรง
[15] การต่อสู้เริ่มต้นขึ้นในวันที่ 5 มิถุนายน โดยมีการต่อสู้กันประปราย (skirmishes) และดำเนินไปเป็นเวลา 3 วัน สิ้นสุดลงในวันที่ 8 มิถุนายน ตามด้วยปฏิบัติการกวาดล้างที่ตามมาทั่วทั้งปัญจาบภายใต้ชื่อ
ปฏิบัติการวู้ดโรส[4]กองทัพอินเดียประมาณการกำลังอาวุธยุทโธปกรณ์ของกองกำลังขาลิสถานต่ำเกินไป การยิงต่อสู้เกิดขึ้นอย่างหนักที่
อกาลตัขตะ หนึ่งในหมู่อาคารของวิหารทอง อาคารนี้ใช้เป็นที่มั่นของกองกำลังขาลิสถาน การยิงต่อสู้เกิดขึ้นยาวนาน 24 ชั่วโมง กองทัพอินเดียจึงสามารถเข้ายึดอาคารอกาลตัขต์ และหมู่อาคารของวิหารทองทั้งหมดได้ เป็นผลให้มีกองทัพอินเดียเสียชีวิต 83 ราย และบาดเจ็บ 249 ราย
[16] ตามการประมาณการของทางการ ระบุว่ากองกำลังขาลิสถานถูกจับกุมทั้งหมด 1,592 ราย และมีผู้เสียชีวิตรวมทั้งกองกำลังขาลิสถานและศาสนิกชนผู้บริสุทธิ์ที่มาแสวงบุญรวม 493 ราย
[7] ผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่ที่เป็นศาสนิกชนผู้บริสุทธิ์นั้นเกิดจากที่กองกำลังขาลิสถานใช้ผู้แสวงบุญที่ถูกกักไว้ภายในวิหารเป็น
โล่มนุษย์[17]การลงมือของกองทัพอินเดียในศาสนสถานศักดิ์สิทธิ์สูงสุดของชาวซิกข์นี้ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักโดยศาสนิกชนซิกข์ทั่วโลก ผู้ตีความการกระทำนี้ว่าเป็นการฆาตกรรมศาสนาซิกข์ (an assault on the Sikh religion)
[18] เจ้าหน้าที่ทหารชาวซิกข์หลายคนในกองทัพลาออกจากหน่วย
[19] ชาวซิกข์หลายคนลาออกจากราชการ บางส่วนคืนรางวัลที่ได้รับจาก
รัฐบาลอินเดีย เหตุการณ์นี้เป็นชนวนให้เมื่อ วันที่ 31 ตุลาคม 1984 (5 เดือนนับจากเหตุการณ์)
อินทิรา คานธี ถูกลอบสังหารโดยบอดีการ์ดชาวซิกข์ประจำตัวเธอทั้งสองคน
Satwant Singh และ
Beant Singh เพื่อเป็นการแก้แค้นต่อเหตุการณ์นี้
[12] การเสียชีวิตของอินทิรา คานธี นำไปสู่การประท้วงสาธารณะ ซึ่งส่งผลให้เกิดการฆาตกรรมศาสนิกชนซิกข์ทั่วประเทศรวมมากกว่า 3,000 รายทั่วประเทศ ตามมาจาก
จลาจลต่อต้านชาวซิกข์ 1984[20]