องค์ประกอบอื่น ของ ปรากฏการณ์แม็คเกอร์ก

การมีหูไม่ดี

มีการทดลองแล้วทั้งในคนที่หูไม่ดีและคนที่ผ่านการฝัง cochlear implant บุคคลทั้งสองเหล่านี้มักอาศัยข้อมูลทางตามากกว่าข้อมูลทางหู[28] เมื่อเทียบกับคนปกติแล้ว ไม่มีความแตกต่างในเรื่องปรากฏการณ์นี้ในบุคคลเหล่านี้ ยกเว้นในกรณีที่คำพูดมีมากกว่าหนึ่งพยางค์[28] บุคคลที่มี cochlear implant มีการตอบสนองเหมือนกับคนปกติเมื่อพยางค์มีเสียงริมฝีปาก (โอษฐชะ มี บ, ป เป็นต้น) อัดทับลงในภาพกล่าวพยางค์เสียงเพดานอ่อน (velar มี ก, ง เป็นต้น)[28] แต่ว่า ในกรณีที่เสียงพยางเสียงฟัน (ทันตชะ มี ฟ เป็นต้น) อัดทับลงในภาพกล่าวพยางค์เสียงริมฝีปาก การตอบสนองก็จะต่างกันมาก สรุปก็คือ บุคคลที่มี cochlear implant หรือมีหูไม่ดี ก็ยังประสบปรากฏการณ์นี้อยู่ แต่ก็จะมีความแตกต่างจากบุคคลปกติทั่วไป

การอัดเสียงทับ

ความแตกต่างกันของสระประเภทต่าง ๆ ลดระดับปรากฏการณ์แบบหลอมรวมกันอย่างสำคัญ[29] คือ เสียงสระ /a/ (อะ, อา) อัดทับในภาพที่กล่าวสระ /i/ (อิ) มีความคล้องจองกันมากกว่า เมื่อเปรียบเทียบกับนัยตรงกันข้าม[29] ซึ่งอาจเป็นเพราะว่าสระ /a/ สามารถกล่าวได้โดยวิธีการออกเสียงต่าง ๆ มากกว่าสระ /i/[29] ดังนั้น เสียงอัดทับและรูปการออกเสียงสระ /i/ ที่ไม่คล้องจองกันจึงเห็นได้ง่ายกว่า[29]

ส่วนในกรณีที่เสียงอัดทับและรูปออกเสียงมีสระเดียวกัน เสียงสระ /i/ ก่อให้เกิดปรากฏการณ์ในระดับที่สูงที่สุด สระ /a/ ให้เกิดปรากฏการณ์ในระดับกลาง ๆ และสระ /u/ เกือบไม่ให้เกิดปรากฏการณ์นี้เลย[30]Walker, S., Bruce, V. & O’malley, C. (1995). Facial identity and facial speech processing: Familiar faces and voices in the McGurk effect. Perception & Psychophysics, 57(8), 1124-1133</ref>

การเห็นปาก

ปรากฏการณ์แม็คเกอร์กเกิดขึ้นในระดับที่สูงกว่าเมื่อด้านขวาของปากสามารถมองเห็นได้[31] เรามักจะได้ข้อมูลทางตาจากปากด้านขวาของคนพูดมากกว่าจากปากด้านซ้าย หรือแม้แต่จากปากทั้งหมด[31] นี้เป็นเพราะการใส่ใจของซีกสมองดังที่กล่าวไว้แล้ว

ตัวกวนสมาธิทางตา

ปรากฏการณ์แม็ค์เกอร์กเป็นไปในระดับที่น้อยกว่าเมื่อมีตัวกวนสมาธิทางตาที่คนฟังเข้าไปใส่ใจ[32]การใส่ใจทางตาไปทางอื่นลดระดับการรับรู้คำพูดจากทางหูและทางตาสิ่งทำให้เกิดความวอกแวกทางตาอีกอย่างหนึ่งก็คือการเคลื่อนไหวของคนพูด ปรากฏการณ์นี้เป็นไปในระดับที่สูงกว่าถ้าคนพูดมีหน้าและศีรษะที่อยู่นิ่ง ๆ คือไม่มีการเคลื่อนไหว[33]

เพศของผู้ฟังและผู้พูด

ผู้หญิงมีปรากฏการณ์นี้ในระดับที่สูงกว่า คือ ได้รับอิทธิพลทางตาในการรับรู้คำพูดมากกว่าผู้ชายถ้ามีตัวกระตุ้นทางตาที่มีอยู่เพียงช่วงสั้น ๆ แต่ไม่มีความแตกต่างกันสำหรับตัวกระตุ้นทางตาที่มีอยู่โดยปกติ[33]

อีกประเด็นหนึ่งที่น่าสนใจเกี่ยวกับความแตกต่างของเพศชายหญิง ก็คือใบหน้าและเสียงของผู้ชายโดยความเป็นตัวกระตุ้น เปรียบเทียบกับใบหน้าและเสียงของผู้หญิงโดยความเป็นตัวกระตุ้น ปรากฏว่าไม่มีความแตกต่างในระดับการเกิดขึ้นของปรากฏการณ์นี้[34] และถ้าภาพใบหน้าของผู้ชายมีการอัดเสียงทับด้วยเสียงของผู้หญิง หรือโดยนัยตรงกันข้าม ก็ยังไม่มีความแตกต่างกันในระดับการเกิดขึ้นของปรากฏการณ์นี้[34] คือ การรู้ว่าเสียงที่ได้ยินไม่ใช่เสียงของคนที่พูดอยู่ในภาพ และเสียงนั้นเป็นเสียงของเพศตรงกันข้าม ก็ยังไม่ลดระดับหรือกำจัดปรากฏการณ์แม็คเกอร์ก[11]

ความคุ้นเคยของใบหน้าและเสียง

ผู้ฟังที่มีความคุ้นเคยกับใบหน้าของผู้พูดมีปรากฏการณ์นี้เกิดขึ้นในระดับที่น้อยกว่าใบหน้าที่ไม่คุ้นเคย[2][30] แต่กลับไม่มีความแตกต่างโดยความคุ้นเคยของเสียง[30]

ความคล้องจองกันของเนื้อความ

เนื้อความหรือจุดมุ่งหมายที่คล้องจองกันมีผลอย่างสำคัญในปรากฏการณ์นี้[35] ปรากฏการณ์นี้ปรากฏชัดเจนและบ่อยครั้งในเหตุการณ์ที่มีความคล้องจองกันในความหมาย มากกว่าในเหตุการณ์ที่ไม่มีความคล้องจองกัน[35] ถ้าผู้ฟังคาดว่าผู้พูดควรมีลักษณะอย่างนี้ทางตาหรือทางหู โดยอาศัยเนื้อความของเรื่องที่พูด ปรากฏการณ์แม็คเกิร์กก็จะปรากฏในระดับที่เพิ่มขึ้น[35]

อิทธิพลจากการเห็นตนเอง

ปรากฏการณ์นี้พบแม้ในกรณีที่ผู้ฟังเองเป็นผู้พูดด้วย[36] เมื่อดูตัวเองในกระจกเงาแล้วทำท่าพูดในขณะที่ฟังเสียงอื่น ปรากฏการณ์แม็คเกิร์กที่ชัดเจนก็ยังเกิดขึ้น[36]

ในอีกกรณีหนึ่งที่ผู้ฟังกล่าวคำพูดแบบเบา ๆ ในขณะที่ดูคนอื่นกล่าวคำพูดมีท่าทางที่ไม่เหมือนคำพูดของผู้ฟัง ปรากฏการณ์นี้ก็ยังมีอยู่ แม้ว่าจะอยู่ในระดับที่อ่อน[36]

ความที่เสียงเป็นไปไม่พร้อมกับภาพ

ความเป็นไปพร้อม ๆ กันโดยสอดคล้องเวลากันของภาพพูดและเสียงพูด ไม่เป็นส่วนสำคัญเพื่อที่จะให้เกิดปรากฏการณ์นี้[37]คือ ผู้ฟังยังได้รับอิทธิพลจากเสียงแม้ว่าอาจจะเล่นหลังภาพ (คือช้ากว่าภาพ) เป็นระยะเวลา 180 มิลลิวินาที (เป็นขีดที่ถ้าช้ากว่านี้ ปรากฏการณ์นี้จะเริ่มลดถอยไป)[37]แต่ว่า ถ้าเสียงนำหน้ารูปภาพ ปรากฏการณ์นี้ลดระดับเร็วกว่ากรณีที่เสียงมาหลังภาพ[37] คือ ถ้าจะลดปรากฏการณ์นี้ในระดับที่สำคัญ เสียงต้องมาก่อนภาพ 60 มิลลิวินาที หรือตามหลังภาพ 240 มิลลิวินาที[2]

การงานทางกายภาพ

ปรากฏการณ์นี้ลดระดับลงเมื่อความใส่ใจเป็นไปในการงานเกี่ยวข้องกับการสัมผัส[38] การรับรู้สัมผัสเป็นการรับรู้ความรู้สึกอีกอย่างหนึ่งเหมือนกับการเห็นและการได้ยิน ดังนั้น เมื่อเพิ่มความสนใจให้กับความสัมผัส ก็จะลดความสนใจให้กับการได้ยินและการเห็น

การแลดู

ไม่มีความจำเป็นที่ตาจะต้องเพ่งดูจุด ๆ หนึ่งเพียงแค่จุดเดียวเพื่อจะประสานข้อมูลทางหูและทางตาเพื่อรับรู้คำพูด[39]ไม่มีความแตกต่างกันเมื่อผู้ฟังพุ่งความสนใจไปในส่วนอื่นของหน้าผู้พูด[39] แต่ว่า ปรากฏการณ์นี้จะไม่มีเลยถ้าผู้ฟังพุ่งความสนใจไปในที่อื่นนอกจากใบหน้าของผู้พูด[2] เพื่อที่จะให้ปรากฏการณ์นี้ลดไปเหมือนกับไม่มีเลย การเพ่งดูของผู้ฟังต้องย้ายไปจากปากของผู้พูดไปอย่างน้อย 60 ดีกรี[39]

ใกล้เคียง

ปรากฏการณ์เชื่อมั่นมากเกินไป ปรากฏการณ์เรือนกระจก ปรากฏการณ์แม็คเกอร์ก ปรากฏการณ์ขบวนแห่ ปรากฏการณ์การวางกรอบ ปรากฏการณ์ 2012 ปรากฏการณ์เกาะความร้อน ปรากฏการณ์ความจริงลวง ปรากฏการณ์ฟอเรอร์ ปรากฏการณ์ตัวล่อ

แหล่งที่มา

WikiPedia: ปรากฏการณ์แม็คเกอร์ก http://www.youtube.com/watch?v=G-lN8vWm3m0&feature... http://www.youtube.com/watch?v=jtsfidRq2tw&feature... http://www.haskins.yale.edu/featured/heads/mcgurk.... //pubmed.ncbi.nlm.nih.gov/1012311 http://www.fon.hum.uva.nl/paul/papers/McGurk3.pdf //doi.org/10.1038%2F264746a0 //doi.org/10.1080%2F09541440601125623 //dx.doi.org/10.1007%2Fs00221-007-1110-1 http://www.isca-speech.org/archive/eurospeech_1995... http://www.isca-speech.org/archive_open/avsp09/pap...