ปลากะมงพร้าว หรือ
ปลากะมงยักษ์ หรือ
ปลาตะคองยักษ์ (
อังกฤษ: Giant trevally, Lowly trevally
[2], Giant kingfish
[3]code: en is deprecated ; ชื่อย่อ: GT
[4];
ชื่อวิทยาศาสตร์: Caranx ignobilis)
ปลาทะเลขนาดใหญ่
ชนิดหนึ่ง ใน
วงศ์ปลาหางแข็ง (Carangidae)มีส่วนหัวโค้งลาด ปากกว้าง ลำตัวแบนข้าง ครีบหางเว้าลึก ข้างลำตัวและโคนหางมีเส้นแข็งสีคล้ำ ลำตัว
สีเทาเงินหรืออม
เหลือง ครีบอกสีเหลือง ครีบหลังยาวและมีแต้มสีขาวที่ตอนปลาย ครีบอื่นสีคล้ำ ในปลาขนาดใหญ่อาจมีจุดประสีคล้ำที่ข้างลำตัวมีความยาวเมื่อโตเต็มที่ได้ถึง 170
เซนติเมตร น้ำหนัก 80
กิโลกรัม[5]ปลาขนาดเล็กจะอยู่รวมเป็นฝูง อาจรวมฝูงปะปนกับปลากะมงชนิดอื่น เช่น
ปลากะมงตาโต (C. sexfasciatus) หรือมักว่ายคู่กับปลาขนาดใหญ่ เช่น
ปลาฉลามวาฬ หรือ
ปลากระเบนแมนตา เมื่อโตขึ้นจะแยกตัวอยู่ตามลำพังเพียงตัวเดียว หรือเป็นฝูงเล็ก ๆ แค่ 2 หรือ 3 ตัว เป็นปลาที่กินเนื้อเป็นอาหาร โดยไล่ล่า
ปลาขนาดเล็กต่าง ๆ เช่น
ปลากะตัก รวมทั้ง
หมึก,
กุ้ง และ
ปู รวมถึงปลากะมงด้วยกันเป็นอาหาร บ่อยครั้งที่พบเห็นออกล่าเหยื่อแถบน้ำตื้นด้านข้างของเกาะหรือใกล้หาดทราย และยังมีรายงานว่าที่เกาะห่างไกลแห่งหนึ่งใน
เซเชลส์เคยไล่โฉบนกทะเลที่บริเวณผิวน้ำอีกด้วย
[6]ในปลาขนาดเล็กอาจพบได้ในแหล่ง
น้ำกร่อยหรือ
น้ำจืด เช่น
ท่าเรือ,
ชายฝั่ง และ
ปากแม่น้ำ ปลาขนาดใหญ่อยู่นอก
แนวปะการังหรือกองหินใต้น้ำ ใน
ทะเลเปิด ที่แอฟริกาตะวันออก ปลากะมงพร้าวขนาดโตเต็มวัยจะว่ายเป็นฝูงเข้ามาในแม่น้ำที่เป็นน้ำจืด อย่างช้า ๆ และว่ายเป็นวงกลมรอบ ๆ ไปมา โดยที่ยังไม่ทราบสาเหตุถึงพฤติกรรมเช่นนี้
[3]เป็นปลาที่แพร่กระจายไปใน
มหาสมุทรแปซิฟิก และ
มหาสมุทรอินเดีย ตั้งแต่
ฮาวาย,
ญี่ปุ่น, ชายฝั่ง
แอฟริกาตะวันออก จนถึง
ออสเตรเลีย ในน่านน้ำไทยสามารถพบได้ทั้ง 2 ฟากฝั่งทะเล จัดเป็นปลาที่พบได้บ่อย เป็นปลาขนาดใหญ่ที่นิยม
ตกกันเป็นเกมกีฬา โดยถือเป็นปลาเกมที่เป็นปลาทะเล 1 ใน 3 ชนิดที่นิยมตกกัน
[4] โดยเฉพาะที่
คิริบาสหรือหมู่เกาะเซเชลส์ มีชาวตะวันตกที่ชื่นชอบการตกปลายินดีที่จ่ายเงินคนละสามแสนบาท เพื่อที่ล่องเรือไปในทะเลเป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์ เข้าพักในรีสอร์ตที่สามารถพักได้เพียง 20 คน เพียงเพื่อที่จะตกปลาชนิดนี้ โดยเมื่อตกได้ จะไม่ทำอันตรายใด ๆ ต่อปลา จะเพียงแค่ถ่ายรูปหรือบันทึกสถิติ จากนั้นจึงจะปล่อยลงทะเลไป
[6] นอกจากนี้แล้วยังนิยมเลี้ยงกันใน
พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำต่าง ๆ ทั่วโลก
[7] [8] ซึ่งปลากะมงพร้าวมีพฤติกรรมพุ่งเข้าอาหารด้วยความรุนแรง ทำให้หลายครั้งสร้างความบาดเจ็บแก่ผู้ให้อาหารแบบที่สวมชุดประดาน้ำลงไปให้ถึงในที่เลี้ยงอีกทั้ง ยังมีผู้ที่นิยมเลี้ยงปลาสวยงามประเภทปลาใหญ่ หรือปลากินเนื้อ เลี้ยงเป็นปลาสวยงามด้วย เช่นเดียวกับปลากะมงตาโต โดยจะนำมาเลี้ยงในน้ำจืดตั้งแต่ยังเล็ก ๆ ทั้งนี้มีรายงานระบุอย่างไม่เป็นทางการว่า ในหลายพื้นที่ได้พบปลากะมงพร้าวขนาดกลางหรือค่อนไปทางใหญ่ในแหล่งน้ำจืด เช่น ในเหมืองร้างแห่งหนึ่ง ใน
อำเภอตะกั่วป่า จังหวัดพังงา และที่
จังหวัดชุมพร สันนิษฐานว่าคงเป็นปลาที่ผลัดหลงมาจาก
เหตุการณ์สึนามิในปี ค.ศ. 2004 ซึ่งปลามีน้ำหนักประมาณ 2-10 กิโลกรัม นอกจากนี้แล้วที่ประเทศอินโดนีเซีย ยังมีผู้เลี้ยงปลากะมงพร้าวในน้ำจืดได้ในบ่อปลาคาร์ป จนมีขนาดใหญ่ราว 60 เซนติเมตรได้ โดยเลี้ยงมาตั้งแต่ตัวประมาณ 5 เซนติเมตร ซึ่งการจะเลี้ยงปลาให้เติบโตและแข็งแรงจนโตได้ ต้องเลี้ยงในสถานที่ ๆ มีความกว้างขวางพอสมควร และต้องผสมเกลือลงไปในน้ำในปริมาณที่มากพอควร แม้จะมีปริมาณความเค็มไม่เท่ากับ
น้ำทะเลก็ตาม
[4]