กฎหมาย ของ ผลต่อสุขภาพจากเสียง

กฎหมายควบคุมเสียงมักจะกำหนดเสียงนอกอาคารมากที่สุดระหว่าง 60-65 dB(A) ในขณะที่องค์กรความปลอดภัยทางอาชีพจะแนะนำว่า ระดับเสียงที่ควรได้รับมากที่สุด ก็คือ 85-90 dB(A) ต่ออาทิตย์ (40 ชม.)และในทุก ๆ 3 dB(A) ที่เพิ่มขึ้น เวลาที่ได้รับควรลดลงครึ่งหนึ่ง เช่น 20 ชม. ต่ออาทิตย์ที่ 88 dB(A)บางครั้ง การลดลงครึ่งหนึ่งจะใช้ในทุก ๆ 5 dB(A) ที่เพิ่มขึ้น แต่ว่า วรรณกรรมทางสุขภาพแสดงว่า กฎนี้ไม่เพียงพอเพื่อป้องกันการเสียการได้ยินและผลทางสุขภาพอื่น ๆเมื่อเร็ว ๆ นี้ สหรัฐอเมริกาได้เริ่มใช้โปรแกรม "ซื้อเสียงเบา" (Buy Quiet) เพื่อต่อสู้กับการได้รับสียงเป็นโปรแกรมที่สนับสนุนให้ซื้ออุปกรณ์และเครื่องมือที่เงียบกว่า เพื่อจูงใจให้ผู้ผลิตออกแบบอุปกรณ์ที่เบาเสียงกว่า[38]

สำนักงานปกป้องสิ่งแวดล้อมสหรัฐไม่ได้ตั้งกฎจำกัดระดับเสียงภายในที่อยู่อาศัยแต่ก็แนะนำระดับต่าง ๆ ในคู่มือ Model Community Noise Control Ordinance ซึ่งจัดพิมพ์ในปี 2518ยกตัวอย่างเช่น ระดับเสียงที่แนะนำภายในบ้านก็คือให้เท่ากับหรือน้อยกว่า 45 dB[39][40]

การควบคุมมลพิษเสียงภายในบ้านไม่ได้รับเงินทุนจากรัฐบาลกลางสหรัฐโดยส่วนหนึ่งก็เพราะว่า ไม่สามารถตกลงกันได้ให้ชัดเจนในเรื่องเหตุที่เสียงมีผลเป็นความเสี่ยงต่อสุขภาพเพราะว่า บ่อยครั้ง นี่เป็นเรื่องเกี่ยวกับใจด้วย และเพราะเสียงไม่ได้ทิ้งร่องรอยความเสียหายให้ตรวจได้ทางกายยกตัวอย่างเช่น การเสียการได้ยินอาจจะเกิดจากปัจจัยอื่น ๆ ได้รวมทั้งอายุ ไม่ใช่เพราะได้ยินเสียงดังเพียงอย่างเดียว[41][42]แต่ว่ารัฐบาลระดับรัฐและระดับเทศบาลในสหรัฐก็ยังสามารถกำหนดกฎเกี่ยวกับเสียงภายในบ้าน เช่นเสียงรบกวนเพื่อนบ้าน[41][43]

แหล่งที่มา

WikiPedia: ผลต่อสุขภาพจากเสียง http://www.cbsnews.com/stories/2007/02/18/ap/healt... http://www.flixxy.com/how-sound-affects-us.htm http://www.medscape.com/viewarticle/516462 http://salemnews.com/punews/local_story_103205126.... http://www.whaleacoustics.com/purposeimpactofnoise... http://ist-socrates.berkeley.edu/~lohp/graphics/pd... http://www.cdc.gov/niosh/topics/buyquiet/default.h... http://www.cdc.gov/niosh/topics/buyquiet/default.h... http://www.epa.gov/history/topics/noise/01.htm //www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC1637786