บรรณาธิการของออกซฟอร์ด ของ พจนานุกรมภาษาอังกฤษ_ฉบับออกซฟอร์ด

ในขณะเดียวกัน สมาคมดังกล่าวก็เริ่มติดต่อเรื่องการพิมพ์ ซึ่งในเวลานั้นเห็นชัดแล้วว่า งานดังกล่าวจะเป็นหนังสือขนาดใหญ่มหึมาได้ มีการติดต่อผู้จัดพิมพ์จำนวนมากในระยะเวลาหลายปี ไม่ว่าจะเพื่อตีพิมพ์หน้ากระดาษตัวอย่าง หรือเพื่อการตีพิมพ์ทั้งเล่ม แต่ก็ยังไม่ถึงขั้นตกลงว่าจ้างแต่อย่างใด และในบรรดาผู้จัดพิมพ์เหล่านี้ ก็คือ สำนักพิมพ์มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ และสำนักพิมพ์มหาวิทยาลัยออกซฟอร์ด

ในที่สุด ปี ค.ศ. 1879 หลังจากต่อรองอยู่สองปี กับสวีต และเฟอร์นิวอลล์ และเมอร์เรย์ สำนักพิมพ์มหาวิทยาลัยออกซฟอร์ดก็ตกลงที่จะจัดพิมพ์ ไม่เฉพาะพจนานุกรมเท่านั้น แต่จะจ่ายเงินให้แก่เมอร์เรย์ (ซึ่งในเวลานั้นดำรงตำแหน่งเป็นนายกสมาคมอักษรศาสตร์) เป็นเงินเดือนค่าบรรณาธิการด้วย พวกเขาหวังว่างานนี้คงจะสำเร็จในอีก 10 ปีข้างหน้า

นับว่าเมอร์เรย์นั่นเอง เป็นผู้ปัดฝุ่นโครงการนี้ขึ้นมา และสามารถที่จะดำเนินการไปสู่การปฏิบัติจริง ส่วนสถานที่ทำงานนั้นเขาจึงไม่เลือกใช้บ้านของเขา (ในเมืองมิลล์ ฮิลล์ ชานกรุงลอนดอน) เป็นที่ทำงาน เนื่องจากเขามีลูกหลายคน แต่เขาได้สร้างอาคารอีกหลังหนึ่งต่างหากสำหรับเป็นที่ทำงานของเขาและผู้ช่วย เขาเรียกอาคารนี้ว่า สคริปทอเรียม (Scriptorium) ซึ่งหมายถึง ที่เก็บต้นฉบับ นั่นเอง โดยมีตู้ไม้เป็นช่องๆ 1,029 ช่อง และชั้นวางหนังสือจำนวนมาก

ในตอนนี้เมอร์เรย์เริ่มค้นหา และรวบรวมแผ่นบันทึกที่เฟอร์นิวอลล์เคยทำไว้เรียบร้อยแล้ว แต่เขาพบปริมาณไม่มากพอ เพราะผู้อ่านเน้นไปที่คำหายาก และคำที่น่าสนใจ เขามีข้อความของคำว่า "abusion" มากกว่า "abuse" ถึง 10 เท่า ด้วยเหตุนี้ เขาจึงประกาศสร้างแรงจูงใจอย่างใหม่แก่ผู้อ่าน โดยได้ตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์อย่างแพร่หลาย รวมทั้งเผยแพร่ในร้านหนังสือและห้องสมุดต่างๆ ในคราวนี้ ผู้อ่านถูกขอร้องอย่างชัดเจนให้รายงาน "การคัดข้อความคำธรรมดาให้มากที่สุด เท่าที่คุณจะทำได้" และรวมทั้งคำที่ดูเหมือนว่า "ไม่ค่อยได้ใช้ เลิกใช้ คำเก่า คำใหม่ คำแปลก หรือคำเฉพาะทาง" เมอร์เรย์ได้ติดต่อนักอักษรศาสตร์ชาวเพนน์ซิลเวเนีย ชื่อ ฟรานซิส มาร์ช (Francis March) ให้มาจัดการกระบวนการดังกล่าวในอเมริกาเหนือ และไม่ช้า ก็มีการส่งข้อความมายังสคริปทอเรียม วันละ 1,000 ชิ้น และในปี 1882 มีข้อความมากถึง 3,500,000 แผ่น

ในที่สุดเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1884 (นับเป็นเวลา 23 ปีหลังจากตีพิมพ์ตัวอย่างหน้าแรกของโคเลอริดจ์) ก็ได้ตีพิมพ์ส่วนแรก (fascicle) ของพจนานุกรมฉบับจริงขึ้น ในตอนนี้ชื่อเต็มของพจนานุกรมนี้คือ พจนานุกรมภาษาอังกฤษฉบับใหม่ อิงหลักการเชิงประวัติ; จัดทำจากเอกสารที่รวบรวมโดยสมาคมอักษรศาสตร์เป็นหลัก (A New English Dictionary on Historical Principles; Founded Mainly on the Materials Collected by The Philological Society) ในการตีพิมพ์ครั้งนี้ มีด้วยกัน 352 หน้า เริ่มตั้งแต่คำที่ขึ้นต้นด้วยอักษร "A" จนถึง "Ant" โดยมีราคา 12 ชิลลิง 6 เพนนี (เทียบปัจจุบัน คือ 62.5 เพนนี) โดยมียอดขายทั้งหมดเพียง 4,000 เล่มเท่านั้น

ตอนนี้ปรากฏชัดแล้ว ว่า สำนักพิมพ์แห่งมหาวิทยาลัยออกซฟอร์ดคงจะใช้เวลานานมาก จึงจะทำงานให้เสร็จสมบูรณ์ หากยังไม่ได้แก้ไขปรับปรุงงานบรรณาธิการ ด้วยเหตุนี้ จึงมีการสนับสนุนเงินทุนเพิ่มเติมสำหรับผู้ช่วย แต่ได้ก็ผลตอบแทนใหม่สองอย่างแก่เมอร์เรย์ อย่างแรกคือ ให้เขาย้ายจากมิลล์ ฮิลล์ มายังเมืองออกซฟอร์ด ซึ่งเขาตกลงย้ายใน ค.ศ. 1885 และเมื่อมาถึงออกซฟอร์ด เขาก็ได้สร้างสคริปทอเรียมขึ้นอีก ในที่ดินของเขา (และเพื่อไม่ให้เพื่อนบ้านลำบากใจ เขาจึงสร้างอาคารลงใต้ดินครึ่งชั้น) และสำนักงานไปรษณีย์ออกซฟอร์ด ก็ได้ติดตั้งตู้ไปรษณีย์กลมแบบใหม่ ที่หน้าบ้านของเขาพอดี

เมอร์เรย์ไม่ยอมตามคำขอประการที่สองอีก นั่นคือ หากเขาไม่สามารถทำตามแผนงานที่ต้องการได้ เขาจะต้องว่าจ้างบรรณาธิการอาวุโสคนที่สอง เพื่อทำงานคู่ขนนานกัน โดยอยู่นอกเหนือการควบคุมดูแลของเขา เขาไม่อยากแบ่งกับคนอื่น และรู้สึกว่าในที่สุดแล้ว เมื่อเขามีประสบการณ์ งานก็จะเร็วกว่านี้ แต่ความจริงมิได้เป็นเช่นนั้น และในที่สุด ฟิลิป เจลล์ แห่งสำนักพิมพ์มหาวิทยาลัยออกซฟอร์ดก็ทำให้เขาต้องยอมตาม กล่าวคือ เฮนรีย์ แบรดลีย์ ซึ่งเมอร์เรย์เคยจ้างเป็นผู้ช่วยเมื่อ ค.ศ. 1884 ก็ได้รับการเลื่อนตำแหน่ง และเริ่มทำงานโดยอิสระใน ค.ศ. 1885 ในห้องทำงานหนึ่ง ในพิพิธภัณฑ์บริติชมิวเซียม ในกรุงลอนดอน และใน ค.ศ. 1896 แบรดลีย์ก็ย้ายมายังออกซฟอร์ดเช่นกัน โดยทำงานที่ในมหาวิทยาลัย

เจลล์เริ่มทำให้บรรณาธิการทั้งสองอึดอัดใจ กับเป้าหมายทางการค้าจากต้นทุนและการผลิตที่รวดเร็ว จนไปถึงจุดที่โครงการดูเหมือนจะล้ม แต่เมื่อมีการตีพิมพ์รายงานดังกล่าว ก็เริ่มมีความคิดเห็นจากสาธารณชนกลับมายังบรรณาธิการ จากนั้นเจลล์ก็ล้มเลิกความคิดดังกล่าว และมหาวิทยาลัยก็ยกเลิกนโยบายเกี่ยวกับต้นทุนของเขา หากบรรณาธิการรู้สึกว่าพจนานุกรมนี้จะเติบโตใหญ่กว่าที่ตนเคยมีส่วนร่วม ก็ต้องทำ เพราะมันเป็นงานใหญ่ที่ต้องใช้ทั้งเวลาและเงินทุนอย่างพอเพียงจึงจะสำเร็จลงได้

แต่ไม่ว่าเมอร์เรย์ หรือแบรดลีย์ ก็ไม่ได้อยู่ดูความสำเร็จของงานดังกล่าว เมอร์เรย์นั้นเสียชีวิตเมื่อ ค.ศ. 1915 โดยได้รับผิดชอบคำศัพท์ ตั้งแต่ A-D, H-K, O-P และ T หรือเกือบครึ่งของพจนานุกรมเล่มสมบูรณ์ ส่วนแบรดลีย์นั้นเสียชีวิตเมื่อ ค.ศ. 1923 รับผิดชอบคำศัพท์ ตั้งแต่ E-G, L-M, S-Sh, St และ W-We แต่ในตอนนี้บรรณาธิการเสริมสองคน ได้รับการเลื่อนตำแหน่ง จากผู้ช่วย เป็นบรรณาธิการ ทำงานอิสระต่อกัน ทำให้งานดำเนินต่อไปโดยไม่มีปัญหามากนัก ทั้งนี้ วิลเลียม เครกี (William Craigie) ได้เริ่มงานเมื่อ ค.ศ. 1901 รับผิดชอบตั้งแต่ N, Q-R, Si-Sq, U-V และ Wo-Wy ขณะที่สำนักพิมพ์แห่งมหาวิทยาลัยออกซฟอร์ดนั้น เคยรู้สึกว่าลอนดอนไกลจากออกซฟอร์ดเกินไป สำหรับให้บรรณาธิการทำงานที่นั่น แต่หลัง ค.ศ. 1925 เครกีได้ทำงานพจนานุกรมนี้ในเมืองชิคาโก รัฐอิลลินอยส์ สหรัฐอเมริกา ซึ่งเขาได้งานตำแหน่งศาสตราจารย์ที่นั่น สำหรับบรรณาธิการคนที่สี่ คือ ชาลส์ แทลบัต อันยันส์ เริ่มทำงานเมื่อ ค.ศ. 1914 ครอบคลุมส่วนที่เหลือทั้งหมด คือ ตั้งแต่ Su-Sz, Wh-Wo และ X-Z

ใกล้เคียง

พจนานุกรมภาษาอังกฤษ ฉบับออกซฟอร์ด พจนานุกรมภาษาไทย พจนานุกรม พจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2554 พจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พจนานุกรมกฎหมาย พจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542 พจนานุกรมคำใหม่ พจนานุกรมพุทธศาสนาจีน-สันสกฤต-อังกฤษ-ไทย พจนานุกรมคำสลับอักษร

แหล่งที่มา

WikiPedia: พจนานุกรมภาษาอังกฤษ_ฉบับออกซฟอร์ด http://www.askoxford.com/asktheexperts/faq/aboutsp... http://www.askoxford.com/dictionaries/?view=uk http://www.askoxford.com/worldofwords/oed/facts/ http://www.franklin.com/estore/dictionary/ER5100/ http://domino.research.ibm.com/tchjr/journalindex.... http://oed.com/about/facts.html http://oed.com/archive/ http://dictionary.oed.com/about/contributors/tolki... http://dictionary.oed.com/archive/appeal-1879-04/ http://dictionary.oed.com/archive/paper-deficienci...