ข้อสันนิษฐาน ของ พระนางวิสุทธิเทวี

กรณีพระตนคำ

แต่เดิมศาสตราจารย์สรัสวดี อ๋องสกุล เคยสันนิษฐานว่าพระนางวิสุทธิเทวีเดิมมีพระนามว่า "พระตนคำ" ผู้เป็นพระราชธิดาในพระเมืองเกษเกล้าที่พระเจ้าบุเรงนองนำไปเป็นองค์ประกันและเรียนรู้วัฒนธรรมพม่า และภายหลังได้ตกเป็นมเหสีของพระเจ้าบุเรงนองโดยปริยาย[4]

ครั้นเมื่อ รศ. ดร. สุเนตร ชุตินธรานนท์ได้สอบทำเนียบพระมเหสีของพระเจ้าบุเรงนองอย่างละเอียดก็มิพบนาม พระตนคำ, วิสุทธิเทวี หรือราชธิดาพระเจ้าเชียงใหม่เลยแต่อย่างใด[5] แต่พบนามของสตรีเชียงใหม่ตำแหน่งบาทบริจาริกานางหนึ่ง ความว่า "นางผู้เป็นชาวเชียงใหม่ (Zinme) นามว่าเคงเก้า (Khin Kank) ซึ่งให้กำเนิดพระธิดากับพระเจ้าบุเรงนองนางหนึ่งนามว่าราชมิตร"[6]

ภายหลังศาสตราจารย์สรัสวดี อ๋องสกุล ได้เปลี่ยนความคิดใหม่ และเห็นว่านรธาเมงสอมิใช่เชื้อพระวงศ์มังรายอย่างที่เข้าใจ[7][8] ส่วนพระนางเคงเก้าจะเป็นคนเดียวกับพระตนคำหรือพระวิสุทธิเทวี หรือพระวิสุทธิเทวีจะเป็นคนเดียวกับพระตนคำหรือไม่ ยังคงเป็นปริศนาที่ต้องค้นคว้าต่อไป[9]

กรณีเป็นพระราชชนนีของนรธาเมงสอ

และเชื่อกันมาแต่เดิมว่า นางอาจเป็นพระราชชนนีในนรธาเมงสอ พระราชโอรสของพระเจ้าบุเรงนองซึ่งครองราชย์สืบต่อจากพระนาง ข้อสันนิษฐานเกิดจากการตีความโคลงบทหนึ่งของ "โครงเรื่องมังทรารบเชียงใหม่" ที่มีเนื้อความระบุว่า[10]

ได้แล้วภิเษกท้าวเทวี
เป็นแม่มังทราศรีเร่งเรื่อง
เมืองมวลส่วยสินมีตามแต่ เดิมเอ่
บ่ถอดถอนบั้นเบื้องว่องไว้วางมวล

นักภาษาศาสตร์ทั้ง ดร. ประเสริฐ ณ นคร และสิงฆะ วรรณสัย ถอดความดังกล่าวได้ว่า[11]

"แล้วอภิเษกมหาเทวี [มหาเทวีวิสุทธิ] ผู้เป็นแม่มังทรา [นรธาเมงสอ เจ้าเมืองสาวัตถี–ตามความเข้าใจของผู้แปล] ขึ้นเสวยราชย์เหมือนเดิม ให้รวบรวมสินส่งส่วยเหมือนแต่ก่อน ไม่ทรงถอดถอนออก แต่มอบอำนาจให้ปกครองเมืองทั้งสิ้น"

รศ. ดร. สุเนตร ชุตินธรานนท์ ให้ความเห็นว่า "มังทรา" มาจากคำว่า "เมงตะยา" อันมีความหมายตรงตัวในภาษาพม่าว่า "ธรรมราชา"[11] เป็นสมัญญานามที่ใช้ระบุหรือนำหน้ากษัตริย์พม่าทั่วไป และในโคลงบทที่ 12 นี้ได้ใช้คำว่า มังทรา แทนพระเจ้าแผ่นดิน ดังนั้นคำว่า แม่มังทราศรี ก็จะหมายถึงแม่ของพระเจ้าแผ่นดิน และมิได้หมายความว่าจะต้องเป็นแม่ของพระเจ้าแผ่นดินองค์ถัดไป ซึ่งก็อาจจะเป็นมารดาของอดีตกษัตริย์ คือ พระเมกุฏิสุทธิวงศ์ก็เป็นไปได้[11]

รวมทั้งโคลงบทที่ 15 ของเรื่องเดียวกันนั้นที่กล่าวถึงภูมิหลังของนรธาเมงสอ ก็ไม่มีข้อความตอนใดระบุว่าเป็นพระโอรสของพระนางแต่อย่างใด[11] เช่นเดียวกับตำนานพื้นเมืองเชียงใหม่, พงศาวดารเชียงใหม่ฉบับพม่า (Zinme Yazawin) หรือแม้แต่พงศาวดารโยนกก็มิได้ระบุเช่นกัน[12]

กรณีเป็นพระราชชนนีของพระเมกุฏิ

จากการศึกษาของ รศ. ดร. สุเนตร ชุตินธรานนท์ โดยใช้หลักฐานของพม่าคือพงศาวดารมหายาสะวินเต๊ะ (Mahayazawinthet)[12] กลับพบว่า พระมารดาของนรธาเมงสอ ชื่อ "ราชเทวี" มเหสีอันดับ 3 ของบุเรงนอง พระนางเป็นธิดาของสตุกามณีแห่งดีมเยง มีนามเดิมว่า เชงทเวละ พระนางสิ้นพระชนม์ใน พ.ศ. 2106 ก่อนที่พระเจ้าบุเรงนองจะสถาปนาพระนางวิสุทธิเทวีครองเมืองเชียงใหม่ในปี พ.ศ. 2107 ฉะนั้นพระนางวิสุทธิเทวี จึงมิใช่พระมารดาของนรธาเมงสอ[13] แต่มหาเทวีวิสุทธิอาจเป็นมารดาของพระเมกุฏิสุทธิวงศ์[7][14]

โดย รศ. ดร. สุเนตร ชุตินธรานนท์ ได้ให้เหตุผลว่า เมื่อพระเจ้าบุเรงนองได้นำตัวพระเมกุฏิสุทธิวงศ์ไปหงสาวดี และสถาปนามหาเทวีวิสุทธิซึ่งชราภาพแล้วครองล้านนา เพื่อที่มหาเทวีจะได้ไม่คิดแข็งเมืองต่อพม่า[15] ด้วยเหตุผลนี้พระเมกุฏิสุทธิวงศ์อาจมีฐานะเป็นพระโอรสของมหาเทวีวิสุทธิก็เป็นได้[16]

ส่วนเพ็ญสุภา สุขคตะเห็นตรงกับ รศ. ดร. สุเนตร ชุตินธรานนท์ว่าพระนางวิสุทธิเทวีเป็นพระราชชนนีของพระเมกุฏิ แต่ได้เพิ่มเติมด้วยว่าพระนางวิสุทธิเทวีคงเป็นพระชายาของพระเมืองแก้ว[17]

ใกล้เคียง

พระนางเจ้าสุวัทนา พระวรราชเทวี พระนางเธอ ลักษมีลาวัณ พระนางจามเทวี พระนางสิริมหามายา พระนางจิรประภาเทวี พระนารายณ์ราชนิเวศน์ พระนามของพระเป็นเจ้าในศาสนาอิสลาม พระนางวิสุทธิเทวี พระนาย สุวรรณรัฐ พระนางศุภยาลัต