สละราชสมบัติ ของ พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่_2_แห่งอังกฤษ

ปราสาทบาร์คลีย์ที่สวรรคต กลอสเตอร์เชอร์ อังกฤษ

หลังจากจำขังพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 2 แล้วพระราชินีอิสซาเบลลาและมอร์ติเมอร์ก็มีปัญหาว่าจะทำเช่นใดกับพระองค์ วิธีที่ง่ายที่สุดคือปลงพระชนม์ ตำแหน่งพระมหากษัตริย์ก็จะตกไปเป็นของเจ้าชายเอ็ดเวิร์ดซึ่งพระราชินีอิสซาเบลลาทรงสามารถควบคุมได้ และเป็นการป้องกันการกู้ราชบัลลังก์คืนแก่พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดไปด้วยในตัว แต่คำสั่งการปลงพระชนม์ต้องมาจากการพิจารณาคดีและการตัดสินของศาลว่าพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดทรงเป็นกบฏ แม้ว่าขุนนางจะเห็นพ้องกันว่าพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดไม่ทรงใส่ใจในการปกครองบ้านเมือง แต่ขุนนางบางคนให้ข้อคิดเห็นว่าในเมื่อพระเจ้าแผ่นดินเป็นตำแหน่งที่ได้รับการแต่งตั้งจากพระเจ้าฉะนั้นพระเจ้าแผ่นดินจึงไม่สามารถถูกปลดหรือถูกตัดสินให้ประหารชีวิตทางนิตินัยได้ ถ้าทำเช่นนั้นพระเจ้าก็จะลงโทษประเทศ การตัดสินจึงเป็นที่ตกลงกันว่าจะจำขังพระองค์ตลอดพระชนม์ชีพแทนที่

แต่การจำขังพระองค์ก็ยังทำให้มีปัญหาตรงที่พระราชอำนาจตามนิตินัยก็ยังอยู่ที่พระองค์ พระราชินีอิสซาเบลลาทรงได้รับตราแผ่นดิน (Great Seal) และทรงใช้ตรานั้นในการปกครองในนามของพระเจ้าเอ็ดเวิร์ด ในนามของพระองค์เอง และในนามของพระโอรสแล้วแต่ความเหมาะสม แต่อย่างใดก็ตามการปกครองเช่นนี้เป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย และเป็นการเปิดช่องให้มีผู้ท้าท้ายถึงความถูกต้องตามกฎหมายได้

สภาวการณ์เช่นนี้ทำให้รัฐสภาตัดสินใจเรียกประชุมสภาสามัญชนเพื่อมาเจรจาตัดสินกันว่าควรจะทำอย่างไรกับสถานะการณ์ที่เป็นอยู่ อัครบาทหลวงแห่งยอร์คและสมาชิกบางคนออกตัวว่ากลัวกลุ่มชนชาวลอนดอนที่จงรักภักดีต่อมอร์ติเมอร์ บางคนก็ต้องการจะให้พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดมีพระราชดำรัสประกาศการสละราชสมต่อรัฐสภาโดยตรงแทนที่จะทรงถูกปลดจากราชบัลลังก์โดยพระราชินีอิสซาเบลลาและผู้มีอำนาจอื่นๆ ในขณะนั้น มอร์ติเมอร์ตอบโต้โดยสั่งให้ริชาร์ด เดอ โบฮุนนายกเทศมนตรีลอนดอนขณะนั้นเขียนจดหมายถึงรัฐสภาขอให้รัฐสภาคุ้มครองพระราชินีอิสซาเบลลาและเจ้าชายเอ็ดเวิร์ด และให้ปลดพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดจากราชบัลลังก์ นอกจากนั้นมอร์ติเมอร์ก็ยังเรียกประชุมขุนนางอย่างลับๆ ในคืนเดียวกัน ผู้เข้าร่วมประชุมเห็นพ้องต้องกันในการปลดพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดจากราชบัลลังก์

ในที่สุดรัฐสภาก็มีมติในการถอดพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดจากราชบัลลังก์ แม้ว่ารัฐสภาจะเห็นพ้องกันว่าพระองค์ไม่ควรมีอำนาจใดๆ ในการปกครอง แต่ก็ยังมิได้ปลดอย่างเป็นทางการเพียงแต่มีมติเท่านั้นและให้พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดเป็นผู้ตัดสินพระทัยในการยอมรับมติของรัฐสภา

เมื่อวันที่ 20 มกราคม ค.ศ. 1327 พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดก็ทรงได้รับแจ้งที่ปราสาทเคนนิลเวิร์ธถึงมติของรัฐสภาและข้อกล่าวหาต่างที่มีต่อพระองค์ ข้อกล่าวหารวมทั้ง: ไม่ทรงมีสมรรถภาพในการปกครองโดยการที่ทรงอนุญาตให้ผู้อื่นมาปกครองแทนพระองค์ซึ่งทำให้มีผลเสียหายต่อประชาชนและสถาบันศาสนา; ไม่ทรงฟังคำแนะนำที่ดีและทำตามคำแนะนำที่ทำให้เป็นพระมหากษัตริย์ที่ไม่เหมาะสม; ทรงเสียดินแดนสกอตแลนด์, แกสโคนี และ ไอร์แลนด์เพราะไม่ทรงมีความสามารถทางการปกครองที่จะรักษาดินแดนเหล่านั้นไว้ได้; ทรงสร้างความเสียหายต่อสถาบันโรมันคาทอลิกและทรงจำขังผู้แทนของศาสนา; ทรงอนุญาตให้ขุนนางถูกฆาตกรรม, ยึดทรัพย์, จำขัง และ เนรเทศ; ไม่ทรงมีความยุติธรรมและยังทรงปกครองโดยเอาผลประโยชน์ที่ไม่เป็นธรรมและอนุญาตให้ผู้อื่นกระทำเช่นเดียวกัน; และทรงหลบหนีไปกับผู้มีความผิดต่างๆ ต่อราชอาณาจักรโดยทิ้งราชอาณาจักรไว้ให้ว่างลงโดยปราศจากรัฐบาลซึ่งเป็นผลทำให้ประชาชนหมดความเชื่อมั่นและความศรัทธาในรัฐบาล พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดทรงคาดไม่ถึงถึงความรุนแรงของข้อกล่าวหาต่างๆ และผลการตัดสินทรงกันแสงไปในขณะที่ทรงฟัง เมื่อเสร็จจากการอ่านข้อกล่าวหา รัฐบาลก็ยื่นข้อแนะนำให้ทรงเลือกระหว่าการสละราชสมบัติให้กับพระราชโอรส หรือ ปฏิเสธข้อกล่าวหาและสละราชสมบัติให้กับผู้ใดผู้หนึ่งที่ไม่ใช่พระญาติแต่มีประสบการณ์ในการปกครองซึ่งในกรณีนี้ก็คงจะหมายถึงมอร์ติเมอร์ พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดจึงทรงสละราชสมบัติให้กับพระราชโอรส เซอร์วิลเลียม ทรัสส์เซลผู้เป็นตัวแทนรัฐสภาจึงประกาศแทนรัฐสภายกเลิกความจงรักภักดีต่อพระเจ้าเอ็ดเวิร์ด รัชสมัยของพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 2 จึงสิ้นสุดลง

การสละราชสมบัติของพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดได้รับการประกาศอย่างเป็นทางการที่ลอนดอนเมื่อวันที่ 24 มกราคม ค.ศ. 1327 วันต่อมาจึงเป็นวันแรกของรัชสมัยของสมเด็จพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 3 แห่งอังกฤษ ผู้มีพระชนมพรรษา 14 ปีและเป็นผู้ที่ยังถูกควบคุมโดยพระราชินีอิสซาเบลลาและมอร์ติเมอร์ พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 2 เองก็ยังทรงถูกจำขัง

ใกล้เคียง

พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจุลจักรพงษ์ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี กรมหมื่นสุทธนารีนาถ พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงราชบุรีดิเรกฤทธิ์ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าภาณุพันธุ์ยุคล พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอนุสรมงคลการ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าเฉลิมพลฑิฆัมพร พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระกำแพงเพชรอัครโยธิน พระเจ้าชาห์ โมฮัมหมัด เรซา ปาห์ลาวี พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระจันทบุรีนฤนาถ