เบื้องต้น ของ พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดธรรมสักขี

พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดเสด็จพระราชสมภพที่อิสลิป มลฑลออกซฟอร์ดเชอร์ เมื่อราว ค.ศ. 1003/1005 ในปี ค.ศ. 1013 เอ็มมาแห่งนอร์มังดี (น้องสาวของรีชาร์ที่ 2 ดยุกแห่งนอร์ม็องดี) ทรงนำเอ็ดเวิร์ดและพระอนุชา อัลเฟรด หนีจากการรุกรานของชาวเดนมาร์กที่อังกฤษไปยังดัชชีนอร์ม็องดี แม้ว่าพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดจะทรงเป็นผู้ศรัทธาในศาสนาแต่ในขณะเดียวกันก็ทรงเป็นนายทหารที่มีความสามารถในการต่อสู้ ฟลาเทยิสบ็อค (Flateyisbok) ชาวนอร์สกล่าวถึงการต่อสู้อย่างกล้าหาญของพระองค์กับพระเจ้าคนุตที่ลอนดอนว่าพระองค์ทรงโจมตีพระเจ้าคนุต แต่ธอร์เคล (Thorkell the Tall) สามารถช่วยให้พระเจ้าคนุตรอดมาได้โดยดึงตัวพระเจ้าคนุตลงจากหลังม้าก่อนที่เจ้าชายเอ็ดเวิร์ดจะเข้าถึงตัว พอเอ็ดเวิร์ดเสด็จตามมาถึงก็ทรงจามม้าของพระเจ้าคนุตด้วยขวาน[2] เชื่อกันว่าพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดทรงศรัทธาศาสนามากขึ้นในระหว่างยี่สิบห้าปีที่ทรงพำนักอยู่ที่นอร์ม็องดี เดวิด อาร์มน โฮวาร์ธ ได้โต้แย้งความเห็นนี้ไว้ในหนังสือของเขา "1066: ปีแห่งการพิชิต" (1066: The Year of the Conquest) ในขณะที่อังกฤษกลายเป็นส่วนหนึ่งของเดนมาร์ก

ความคุ้นชินของพระองค์ต่อนอร์ม็องดีและผู้นำของดินแดนดังกล่าวกลายมาเป็นอิทธิพลต่อการปกครองของพระองค์ในเวลาต่อมา การที่ขุนนางชาวนอร์มังดีให้ที่ลี้ภัยแก่พระองค์ แต่มิได้ให้ความสนใจแก่พระองค์เท่าที่ควรก็ทำให้พระองค์มีความรู้สึกขอบคุณแต่ในขณะเดียวกันก็ทรงรู้สึกชิงชังในวิธีที่ทรงถูกปฏิบัติจากพระญาติ[3] กล่าวกันว่าก่อนที่รอแบร์ที่ 1 ดยุกแห่งนอร์ม็องดีลูกพี่ลูกน้องของพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดจะเดินทางไปแสวงบุญที่เยรูซาเลมก็ได้ตั้งเอ็ดเวิร์ดให้เป็นหนึ่งในผู้ดูแลลูกชายวิลเลียม โรเบิร์ตไปเสียชีวิตที่เยรูซาเลม

หลังจากที่ทรงพ่ายแพ้ต่อความพยายามที่จะชิงราชบัลลังก์ของพระเจ้าฮาโรลด์ แฮร์ฟุตในปี ค.ศ. 1036 เอ็ดเวิร์ดก็เสด็จกลับมานอร์ม็องดีแต่พระราชอนุชา อัลเฟรด ทรงถูกจับได้โดยกอดวิน เอิร์ลแห่งเอสเซกซ์ ผู้นำตัวพระราชอนุชาไปให้พระเจ้าฮาโรลด์ แฮร์ฟุต พระเจ้าฮาโรลด์ทรมานเจ้าชายอัลเฟรดจนพระเนตรบอดเพื่อเป็นการกำจัดผู้ที่มีสิทธิ์ในราชบัลลงก์ เจ้าชายอัลเฟรดสิ้นพระชนม์จากการทรมานไม่นานหลังจากนั้น กล่าวกันว่าการฆาตกรรมของพระราชอนุชาเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เอ็ดเวิร์ดทรงมีความแค้นต่อเอิร์ลแห่งเอสเซ็กส์ และทรงขับไล่เขาจากราชสำนักในช่วงฤดูใบไม้ร่วงของปี ค.ศ. 1051 พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดตรัสว่าสิ่งเดียวที่จะทำให้พระองค์ให้อภัยเอิร์ลแห่งเอสเซ็กส์ได้คือการคืนชีพอัลเฟรด ซึ่งเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้

ในปี ค.ศ. 1041 ขุนนางชาวแองโกล-แซกซัน ก็ได้อัญเชิญพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดกลับมาอังกฤษ และทรงได้เข้าร่วมราชสำนักของพระเจ้าฮาร์ธาคนุต (พระราชโอรสในพระเจ้าคนุตมหาราช) พระราชอนุชาร่วมพระราชมารดาของพระเจ้าเอ็ดเวิร์ด บันทึกเหตุการณ์ของชาวแองโกล-แซกซันระบุว่าพระเจ้าฮาร์ธาคานูททำพิธีสาบานพระองค์เป็นกษัตริย์ร่วมกับพระเจ้าเอ็ดเวิร์ด หลังจากการเสด็จสวรรคตของพระเจ้าฮาร์ธาคานูทเมื่อวันที่ 8 มิถุนายน ค.ศ. 1042 พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดก็ทรงรับราชสมบัติต่อ ทรงได้รับนิยมจากพสกนิกรอย่างลั้นหลาม บันทึกเหตุการณ์ของชาวแองโกล-แซกซันกล่าวว่าพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดได้รับเลือกเป็นกษัตริย์ ก่อนที่พระศพของพระเจ้าฮาร์ธาคนุตจะถูกฝัง พระองค์ได้รับการราชาภิเษกที่อาสนวิหารวินเชสเตอร์ เมื่อวันที่ 3 เมษายน ค.ศ. 1043

ใกล้เคียง

พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจุลจักรพงษ์ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี กรมหมื่นสุทธนารีนาถ พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงราชบุรีดิเรกฤทธิ์ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าภาณุพันธุ์ยุคล พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอนุสรมงคลการ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าเฉลิมพลฑิฆัมพร พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระกำแพงเพชรอัครโยธิน พระเจ้าชาห์ โมฮัมหมัด เรซา ปาห์ลาวี พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระจันทบุรีนฤนาถ