ความสัมพันธ์กับจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์เลวร้ายลง ของ พระเจ้าโลแทร์แห่งฝรั่งเศส


การเป็นผู้พิทักษ์ของอาร์ชบิชอปบรูโนแห่งโคโลญดำเนินไปจนถึงปี ค.ศ. 965 และคอยชี้แนะแนวทางด้านการเมืองให้พระเจ้าโลแธร์สวามิภักดิ์ต่อราชอาณาจักรแฟรงก์ตะวันออกซึ่งวิวัฒนาการเป็นจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ของชาวเยอรมัน แม้จะยังเด็ก แต่พระเจ้าโลแธร์ต้องการปกครองเพียงผู้เดียวและต้องการมีอำนาจเหนือข้าราชบริพารมากกว่าที่มีอยู่ ความต้องการเป็นเอกราชทางการเมืองทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างกษัตริย์กับพระญาติฝั่งมารดาตกต่ำลงจนนำไปสู่การทำสงครามกับจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ที่เพิ่งก่อตั้งขึ้นมา แต่กระนั้นพระเจ้าโลแธร์ก็ยังอยากรักษาสายสัมพันธ์กับจักรพรรดิออทโทที่ 1 ไว้ จึงอภิเษกสมรสกับเจ้าหญิงเอ็มมาแห่งอิตาลี (พระธิดาคนเดียวของจักรพรรดินีอาเดล์ไฮด์แห่งบูร์กอญ พระมเหสีคนที่สองของจักรพรรดิออทโทที่ 1 ทรงเป็นพระธิดาจากการอภิเษกสมรสครั้งแรกกับพระเจ้าโลแธร์ที่ 2 แห่งราชวงศ์โบโซนิดของจักรพรรดินี) ในช่วงต้นปี ค.ศ. 966[9]


ในปี ค.ศ. 962 เบาด์วินที่ 3 เคานต์แห่งฟลานเดอส์ บุตรชาย, ผู้ปกครองร่วม และทายาทของอาร์นูล์ฟที่ 1 เคานต์แห่งฟลานเดอส์ เสียชีวิต อาร์นูล์ฟจึงยกฟลานเดอส์ให้พระเจ้าโลแธร์ เมื่ออาร์นูล์ฟเสียชีวิตในปี ค.ศ. 965 พระเจ้าโลแธร์บุกฟลานเดอส์และยึดหลายเมืองมาได้ แต่สุดท้ายก็ถูกผู้สนับสนุนของอาร์นูล์ฟที่ 2 เคานต์แห่งฟลานเดอส์ขับไล่ พระเจ้าโลแธร์พยายามเพิ่มอิทธิพลในโลธาริงเจียที่ครั้งหนึ่งเคยอยู่ในการครอบครองของตระกูลของพระองค์ จักรพรรดิออทโทที่ 2 ได้สนับสนุนการต่อต้านการรุกรานของพระเจ้าโลแธร์[10]


ในปี ค.ศ. 976 เรนเญร์ที่ 4 เคานต์แห่งมงส์กับล็อมแบต์ที่ 1 เคานต์แห่งลูแว็ง สองพี่น้องที่ถูกจักรพรรดิออทโทที่ 2 ปลดลงจากตำแหน่งที่ได้รับสืบทอดต่อจากบิดาหันไปสานสัมพันธไมตรีกับชาร์ลส์ (พระอนุชาของพระเจ้าโลแธร์) และออทโท เคานต์แห่งแวร์ม็องดัวส์ และเดินทัพเพื่อมาต่อสู้กับกองทหารจักรวรรดิ สมรภูมิครั้งใหญ่ที่ยังคงชี้ขาดผลแพ้ชนะไม่ได้เกิดขึ้นในมงส์[11][12] แม้พระเจ้าโลแธร์จะแอบสนับสนุนการทำสงครามครั้งนี้ แต่พระองค์ไม่ได้ยื่นมือเข้ามาแทรกแซงช่วยเหลือสองพี่น้องโดยตรง


ชาร์ลส์อาศัยสถานการณ์นี้สถาปนาตนเองในโลธาริงเจีย[13] เป้าหมายหลักของพระองค์คือการทำลายความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันของพระเจ้าโลแธร์กับตระกูลอาร์เด็นส์ที่ภักดีต่อจักรพรรดิออทโทและทรงอำนาจมากในโลธาริงเจีย


ในปี ค.ศ. 977 ชาร์ลส์กล่าวหาว่าพระราชินีเอ็มมาคบชู้กับบิชอปอาดัลเบโรนแห่งล็อง เนื่องด้วยขาดหลักฐาน ทั้งพระราชินีและบิชอปจึงพ้นข้อกล่าวหา แต่ชาร์ลส์ที่ยังคงปล่อยข่าวลือไม่เลิกถูกพระเจ้าโลแธร์ขับไล่ออกจากราชอาณาจักร ตระกูลอาร์เด็นส์และกลุ่มชาวโลธาริงเจียที่ทำข้อตกลงกับจักรพรรดิออทโทที่ 2 ครองอำนาจเบ็ดเสร็จในราชสำนักของพระเจ้าโลแธร์


ทว่าจักรพรรดิออทโทที่ 2 โทษว่าเป็นความผิดพลาดของเรนเญร์ที่ 4 กับล็อมแบต์ที่ 2 ที่ไม่สามารถกอบกู้เคานตีแอโนต์กลับคืนมาได้ จึงแต่งตั้งชาร์ลส์เป็นดยุคแห่งโลร์เรนล่าง แคว้นที่รับผิดชอบดูแลครึ่งทางตอนเหนือของโลธาริงเจียซึ่งแยกตัวออกมาจากโลร์เรนล่างมาตั้งแต่ช่วงปลายปี ค.ศ. 950 การให้รางวัลชาร์ลส์ที่คลางแคลงในเกียรติของพระมเหสีของกษัตริย์ของชาวแฟรงก์ย่อมสร้างความไม่พอใจให้กษัตริย์[14]

ใกล้เคียง

พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าภาณุพันธุ์ยุคล พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงราชบุรีดิเรกฤทธิ์ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจุลจักรพงษ์ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี กรมหมื่นสุทธนารีนาถ พระเจ้าอโศกมหาราช พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระกำแพงเพชรอัครโยธิน พระเจ้าชาห์ โมฮัมหมัด เรซา ปาห์ลาวี พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระจันทบุรีนฤนาถ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอนุสรมงคลการ