นาย
ฟิเนียส์ พี. เกจ (
อังกฤษ: Phineas P. Gage) (ค.ศ. 1823-1860)เป็นหัวหน้าคนงานก่อสร้างทางรถไฟ
ชาวอเมริกัน ผู้ที่รู้จักกันเนื่องจากการรอดชีวิตอย่างไม่น่าเป็นไปได้
[upper-alpha 4]จากอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นในระหว่างการระเบิดหิน ที่แท่งเหล็กขนาดใหญ่พุ่งทะลุผ่านกะโหลกศีรษะของเขาทำลาย
สมองกลีบหน้าด้านซ้ายโดยมากและเนื่องจากผลที่เกิดขึ้นเพราะความบาดเจ็บ ต่อบุคลิกภาพและ
พฤติกรรมตลอดชีวิตอีก 12 ปีที่เหลือของเขาเป็นผลกระทบที่กว้างขวางลึกซึ้งจนกระทั่งว่า เพื่อนของเขา (อย่างน้อยก็เป็นช่วงเวลาหนึ่ง) เห็นว่าเขา "ไม่ใช่นายเกจอีกต่อไป"
[1]:339–40โดยรู้จักกันมานานว่า "เค้สชะแลงอเมริกัน" (the American Crowbar Case)
[3]:54
[4]และครั้งหนึ่งได้มีคำอธิบายว่า "มากกว่ากรณีอื่น ๆ ทั้งหมด เป็นกรณีที่สร้างความอัศจรรย์ใจให้ ลดคุณค่าเรื่องการ
พยากรณ์โรค และแม้แต่ล้มล้างหลัก
สรีรวิทยา"
[5]นายเกจมีอิทธิพลต่อการอภิปรายเรื่องจิตใจและสมองในคริสต์ศตวรรษที่ 19โดยเฉพาะในเรื่องของการแบ่งหน้าที่เฉพาะของเขต
สมองใน
ซีรีบรัมและอาจจะเป็นเค้สแรกที่บอกเป็นนัยว่า ความเสียหายต่อเขตบางเขตในสมองอาจมีผลต่อบุคลิกภาพ
[2]:บทที่7-9
[4]นายเกจเป็นอนุสรณ์ที่มีมานานในการเรียนการสอนวิชา
ประสาทวิทยาจิตวิทยา และหมวดวิชาที่เกี่ยวข้องกับ
ประสาทวิทยาศาสตร์อื่น ๆและมักจะมีการกล่าวถึงบ่อย ๆ ทั้งในหนังสือและเอกสารการศึกษาเป็นแม้กระทั่งดาราย่อย ๆ ในสื่อ
[6]ถึงแม้จะมีชื่อดังอย่างนี้
[7]ความจริงที่ยืนยันได้เกี่ยวกับนายเกจว่าเขาเป็นคนเช่นไรก่อนและหลังอุบัติเหตุ ก็มีไม่มากดังนั้นจึงทำให้เกิด "การฟิตทฤษฎีที่ต้องการเกือบอะไรก็ได้กับข้อเท็จจริงนิดหน่อยที่มีอยู่"
[2]:290คือได้มีการอ้างถึงกรณีนายเกจจนกระทั่งถึงทุกวันนี้ เพื่อสนับสนุนทฤษฎีต่าง ๆ เกี่ยวกับสมองที่เข้ากันไม่ได้งานสำรวจเรื่องที่ตีพิมพ์เกี่ยวกับนายเกจ รวมทั้งสิ่งตีพิมพ์ทางวิทยาศาสตร์พบว่า เรื่องราวเหล่านั้นเกือบทั้งหมดบิดเบือนความเปลี่ยนแปลงทางพฤติกรรมของนายเกจจากความจริงคือ ถ้าไม่พูดเกินความจริง ก็จะกล่าวขัดแย้งกันเองมีการตีพิมพ์ภาพถ่ายสองภาพของนายเกจ
[8][9] และรายงานการแพทย์เกี่ยวกับภาวะร่างกายและจิตใจในช่วงหลังแห่งชีวิตของเขา ในปี ค.ศ. 2009 และ 2010หลักฐานใหม่นี้ชี้ว่า ความเปลี่ยนแปลงทางจิตใจที่มากที่สุดของนายเกจ อาจเกิดขึ้นเพียงชั่วคราวเท่านั้นคือว่า ในชีวิตช่วงหลังของเขา เขาสามารถทำกิจการงานต่าง ๆ สามารถปรับตัวให้เข้ากับสังคมได้ เกินกว่าที่ก่อนหน้านี้สันนิษฐานกันมาในปี ค.ศ. 2008 นัก
จิตวิทยาแม็คมิลแลนได้เสนอ "
สมมุติฐานการฟื้นตัวทางสังคม" ที่แสดงว่า งานเลี้ยงชีพของเขาเป็นคนขับรถม้าโดยสารใน
ประเทศชิลีได้ให้รูปแบบชีวิตประจำวันแก่เขา ทำให้เขาสามารถเรียนรู้ทักษะทางสังคมและทักษะอื่น ๆ ในชีวิตประจำวันได้ใหม่
[10]