เมนูนำทาง
ฟิเนียส์_พี._เกจ เชิงอรรถรูปที่ได้รับการยืนยันในปี ค.ศ. 2010 เป็นสมบัติของทารา เกจ มิลเลอร์แห่งมลรัฐเท็กซัสและรูปที่เหมือนกันอีกรูปหนึ่งเป็นของฟิลลิส เกจ ฮาร์ตลีย์แห่งมลรัฐนิวเจอร์ซีย์(นายเกจไม่มีลูกเท่าที่รู้ ดู Macmillan 2000[2]:319,327บุคคลเหล่านี้เป็นเชื้อสายของญาติของเขา ดู Macmillan & Lena 2010[28]:4)โดยต่างจากรูปของวิลกัส ซึ่งเป็นรูปดั้งเดิมรูปของมิลเลอร์และฮาร์ตลีย์เป็นภาพถ่ายก๊อปปี้จากรูปถ่ายดั้งเดิมที่ยังไม่พบ พิมพ์ในคริสต์ศตวรรษที่ 19เป็นรูปภาพแบบดาแกโรไทป์ หรือภาพถ่ายประเภทอื่นที่มีการกลับด้านซ้ายขวา (ซึ่งเป็นเรื่องสามัญในการถ่ายรูปในยุคแรก ๆ)และในภาพนี้ก็เช่นกัน ได้มีการกลับด้านซ้ายขวาให้เห็นได้เหมือนจริงแล้วเสื้อเชิ้ตและเน็คไทที่นายเกจใส่ในภาพของมิลเล่อร์-ฮาร์ตลีย์ต่างจากที่เห็นในภาพของวิลกัสแม้ว่าเขาจะใส่เสื้อกั๊กตัวเดียวกัน และน่าจะเป็นเสื้อชั้นนอกตัวเดียวกันด้วย[52]
ในวัยเด็ก นายเกจได้อาศัยอยู่ที่เมืองต่าง ๆ รวมทั้งเมืองเลบานอน (หรือเมืองเลบานอนตะวันออกที่อยู่ใกล้ ๆ)เมืองเอ็นฟิลด์ หรือ/และเมืองกราฟตัน(ซึ่งล้วนแต่อยู่ในเทศมณฑลกราฟตัน มลรัฐนิวแฮมป์เชียร์)แม้ว่าหมอฮาร์โลว์จะกล่าวถึงเมืองเลบานอนโดยตรงว่าเป็นถิ่นกำเนิดของนายเกจ[1]:336และเป็นบ้าน[1]:338 (น่าจะเป็นของบิดามารดาของเขา)เป็นที่ที่นายเกจกลับไปหลังจากอุบัติเหตุ 10 อาทิตย์
ชัดเจนว่าอักษรแรกของชื่อกลางของนายเกจคือ "P"[10]:839fig.[11]:389[13]:13[1]:330[2]:490แต่ว่า ไม่มีหลักฐานอะไรที่ชี้ว่า อักษรย่อ P นี้เป็นตัวแทนคำเต็มว่าอะไร(แม้ว่าปู่ของเขาจะมีชื่อเดียวกันว่า Phineas และน้องชายชื่อว่าเด็กซ์เตอร์จะมีชื่อกลางว่า พริตชาร์ด)[2]:490ชื่อแรกและชื่อกลางของมารดานายเกจบันทึกไว้ต่าง ๆ กันรวมทั้ง ฮันนาห์ หรือ ฮันนา, และ ทรัสเซล์ล, ทรูเซล, หรือ ทรัสเซลและชื่อก่อนสมรสมีการสะกดต่าง ๆ กันรวมทั้ง Swetland, Sweatland, หรือ Sweetland[2]:490
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเกือบ 20 ปีก่อน ในเมืองชนบทที่ไม่มีใครรู้จัก...ที่คนไข้ได้รับการดูแลและมีการรายงานโดยแพทย์ชนบทที่ไม่มีชื่อเสียงอะไรและได้รับการพิจารณาจากแพทย์ชาวเมืองด้วยความไม่ค่อยเชื่อจนกระทั่งว่า แพทย์หลายท่านปฏิเสธอย่างเด็ดขาดว่า ชายคนนั้น (คือนายเกจ) ลุกขึ้นมาได้จนกระทั่งได้จิ้มนิ้วของตนไปที่รูในศีรษะ (ของนายเกจ) [ดู ทอมัสกังขา ผู้ที่ไม่สามารถคลายความสงสัยได้นอกจากพิสูจน์ด้วยตนเอง]และแม้กระทั่งอย่างนั้น ก็ยังต้องเรียกร้องคำเป็นพยานหลักฐานจากหมอชนบทจากบาทหลวงและจากทนาย ก่อนที่จะสามารถเชื่อหรือก่อนที่จะเชื่อได้ศัลย์แพทย์โด่งดังหลายท่านพิจารณาว่าเรื่องเช่นนี้ไม่สามารถเป็นไปได้โดยหลักสรีรวิทยาและหลักฐานที่ปรากฏให้เห็นในคนไข้ก็ถูกอธิบายแก้ต่างไปโดยคำต่าง ๆ นา ๆ[1]:329,344
สมจริงอย่างนั้น ผู้เขียนแจ็คสัน (ปี ค.ศ. 1870) กล่าวว่า"โชคร้ายจริง ๆ แม้เรื่องนี้จะมีหลักฐานที่หมอฮาร์โลว์ได้ให้ไว้แต่โดยทั่ว ๆ ไปแล้ว สำหรับผู้ที่ยังไม่ได้เห็นกะโหลก (ของนายเกจ) นั้นด้วยเอง ก็ยังเป็นเรื่องที่เกินกว่าคนอื่นจะเชื่อได้"[17]:vแม้จะมีเค้สที่เกิดขึ้นภายหลังติดตามเค้สของนายเกจต่อมา เช่นเค้สผู้ทำงานในเหมืองที่รอดชีวิตจากการมีท่อก๊าซวิ่งทะลุศีรษะ[2]:66[18]และเค้สหัวหน้าคนงานโรงตัดไม้ที่กลับไปทำงานไม่นานหลังจากที่เลื่อยวงจันทร์ได้ตัดกะโหลกศีรษะของเขาเป็นช่องลึก 8 เซนติเมตรจากระหว่างตาจนไปถึงข้างหลังศีรษะของเขา(โดยที่ศัลยแพทย์ต้องเอาออกจากช่องแผล "กระดูก 32 ชิ้น พร้อมกับขี้เลื่อยเป็นจำนวนมาก")[19]วารสารการแพทย์และศัลยศาสตร์บอสตัน (ค.ศ.1869) ก็ยังแกล้งทำเป็นสงสัยว่า สมองทำหน้าที่อะไรบ้างหรือเปล่าโดยกล่าวว่า "ตั้งแต่เรื่องเล่นตลกเกี่ยวกับ แท่งเหล็ก ท่อก๊าซ และเรื่องคล้ายกันอื่น ๆ (ความมีเหตุผล) ความไม่เชื่ออะไรง่าย ๆ ก็เริ่มอ่อนกำลังลง ไม่สามารถที่จะกล่าวคำอะไรได้ สมองดูเหมือนจะไม่มีความสำคัญอะไรในทุกวันนี้"[20]รายงานของสมาคมการแพทย์เวอร์มอนต์ (Smith 1886) ก็กล่าวเป็นเชิงตลกเช่นเดียวกันคือ(เลียนคำจากละครเรื่องแม็คเบ็ธ [Act III] ของวิลเลียม เชกสเปียร์) "แม็คเบ็ธกล่าวว่า'เคยเป็นอย่างนี้มาตลอดว่าเมื่อสมองไหลออกมาแล้ว คน ๆ นั้นก็จะตาย แต่มาสมัยนี้ กลับลุกขึ้นมาได้อีก'เป็นไปได้ว่า อีกไม่นานเท่าไร พวกเราก็จะได้ยินเรื่องเกี่ยวกับศาสตราจารย์ชาวเยอรมัน (เหมือนกับ ศ. ในประเทศเยอรมันผู้สร้างแฟรงเกนสไตน์) ผู้ที่จะผ่าตัดสมองนั้นออก (และคนไข้ก็จะยังอยู่ต่อไปได้)"[3]:53-54
ส่วนบทความที่อ้างอิงถึงถึงแท่งเหล็กของนายเกจว่า "แขกผู้ไม่พูดพล่ามทำเพลงมีนิสัยบุกรุก (อังกฤษ: abrupt and intrusive visitor)"ปรากฏในวารสารการแพทย์และศัลยศาสตร์บอสตัน[21] ในบทความปริทัศน์ต่อบทความที่หมอฮาร์โลว์นำเสนอ
โดยตั้งข้อสังเกตว่า แม้ว่าหมอฮาร์โลว์จะเป็น "หมอพื้นที่ที่ยังไม่ค่อยมีประสบการณ์ ... พึ่งเรียนจบมาแค่ 4 1/2 ปี ก่อน"แต่นักเขียนแม็คมิลแลนก็ได้พูดถึงสิ่งที่หมอฮาร์โลว์ได้ทำว่าเป็น "การดัดแปลงวิธีการรักษาที่สืบกันมาได้อย่างเหมาะสม ที่ประกอบด้วยฝีมือและมีจินตนาการ"ได้กล่าวเพิ่มขึ้นถึงประเด็นการตัดสินใจ (โดยทำต่างไปจากคำสอนของอาจารย์ในวิทยาลัยแพทย์) เพื่อที่จะไม่หาชิ้นกระดูกอื่น ๆ อย่างละเอียดถี่ถ้วนดังนั้น จึงหลีกเลี่ยงความเสี่ยงต่อการเสียเลือดและความบาดเจ็บเพิ่มขึ้นทางสมองและถึงการใช้สารกัดในการรักษา fungi ดังนั้น จึงหลีกเลี่ยงความเสี่ยงต่อการต้องใช้วิธีรักษาอีกสองอย่าง คือการตัดทิ้ง (ซึ่งเสี่ยงต่อการเสียเลือด)และดัน fungi ให้เข้าไปในแผล (ซึ่งเสี่ยงต่อการเพิ่มความกดดันแก่สมอง)[2]:12,60-2
สำหรับบทบาทของตนต่อการรอดชีวิตของนายเกจ หมอฮาร์โลว์กล่าวเพียงว่า "ผมกล่าวเพียงได้ว่า ... เหมือนกับคุณหมอ Ambroise Paré ผม (เพียงแต่) ทำแผลให้เขา พระเจ้า (นั่นแหละ) เป็นคนรักษาเขา"[1]:346เป็นการประเมินตนที่นักจิตวิทยาแม็คมิลแลน (ค.ศ. 2000)[2]:62 กล่าวว่าถ่อมตนเกินไปดู Macmillan (ค.ศ. 2000)[2]:12;ch4 Macmillan (ค.ศ. 2008)[10]:828-9 และ Barker (ค.ศ. 1995)[4]:675,679-80เกี่ยวกับรายละเอียดอื่น ๆ ในเรื่องวิธีการบริหารของหมอฮาร์โลว์ในเค้สนี้
เมนูนำทาง
ฟิเนียส์_พี._เกจ เชิงอรรถใกล้เคียง
ฟิเนียส์ พี. เกจ ฟิเนส ฟีเนียสกับเฟิร์บ ฟินิเชีย ฟิเลียส ฟลิตวิก ฟินีติซิลลิน ฟิล นีลแหล่งที่มา
WikiPedia: ฟิเนียส์_พี._เกจ http://brightbytes.com/phineasgage/index.html http://brightbytes.com/phineasgage/more.html http://www.brightbytes.com/phineasgage/index.html http://www.brightbytes.com/phineasgage/new_image.h... http://books.google.com/?id=xicZAAAAYAAJ&pg=PA313#... http://books.google.com/books?id=1S0EAAAAYAAJ&pg=P... http://books.google.com/books?id=9HQIHnREqhkC&lpg=... http://books.google.com/books?id=F8UZAAAAIAAJ http://books.google.com/books?id=Qx4fMsTqGFYC&prin... http://books.google.com/books?id=XXxtmdcj_04C&prin...