อุบัติเหตุ ของ ฟิเนียส์_พี._เกจ

เมืองแคเว็นดิช มลรัฐเวอร์มอนต์ ประมาณ 20 ปีให้หลังจากอุบัติเหตุ (A) เป็นจุด 2 จุดที่อาจจะเป็นที่เกิดอุบัติเหตุ (T) เป็นที่พักของนายเกจ (H) เป็นบ้านและห้องศัลยกรรมของหมอฮาร์โลว์[upper-alpha 5]

ในวันที่ 13 กันยายน ค.ศ. 1848นายเกจ (อายุ 25 ปี)[upper-alpha 2] กำลังอำนวยการระเบิดหินพร้อมกับลูกน้อง เพื่อทำฐานของทางรถไฟ Rutland Railway นอกเมืองแคเว็นดิช มลรัฐเวอร์มอนต์ในขั้นตอนเพื่อจะวางระเบิด จะมีการเจาะรูลึกลงไปในส่วนของก้อนหินที่โผล่ออกมาจากพื้นเติมดินระเบิด ใส่ชนวนระเบิด และเติมทรายให้เต็มแล้วอัดส่วนประกอบเหล่านี้เข้าไปโดยใช้แท่งเหล็กตอก[upper-alpha 5]นายเกจกำลังทำงานนี้อยู่ในช่วงประมาณ 16.30 น. เมื่อ (ซึ่งอาจเป็นเพราะลืมใส่ทราย)เหล็กตอกได้จุดประกายไฟที่หินแล้วจึงเกิดการระเบิดขึ้นเหล็กตอกนั้นถูกยิงออกจากหลุมระเบิดและ "ทะลุเข้าไปที่หน้าด้านซ้ายของเขา... ทะลุผ่านด้านหลังของตาซ้าย แล้วทะลุออกที่เหนือศีรษะ"[15]

การอ้างอิงถึงนายเกจในคริสต์ศตวรรษที่ 19 ว่า "เค้สชะแลงอเมริกัน" (the American Crowbar Case)[3]:54[4]สะท้อนถึงคำว่า "ชะแลง" ในยุคสมัยนั้น ที่หมายถึงแท่งเหล็กตรง ๆคือ เหล็กตอกของเขาไม่ได้มีส่วนงอหรืออุ้งเล็บเหมือนกับชะแลงสมัยปัจจุบันแต่ว่า มีลักษณะเป็นรูปทรงกระบอก "กลมและใช้จนเกือบเรียบลื่น"[11]:331หมอฮาร์โลว์ได้กล่าวเกี่ยวกับแท่งเหล็กนี้ไว้ว่า

ปลายที่ทะลุเข้าไปที่แก้มของนายเกจเป็นส่วนแหลม มีระยะเรียวประมาณ 30 เซนติเมตร

ซึ่งเป็นเหตุที่อาจยังให้คนไข้รอดชีวิตมาได้เหล็กแท่งนี้ไม่เหมือนใคร เพราะทำโดยช่างตีเหล็กตามจินตนาการของเจ้าของ[upper-alpha 6]

โดยมีน้ำหนัก 6 กิโลกรัม "แขกผู้ไม่พูดพล่ามทำเพลงมีนิสัยบุกรุกแท่งนี้"[upper-alpha 4]พบอยู่ประมาณ 25 เมตรห่างออกไปจากนายเกจ "เปื้อนไปด้วยทั้งเลือดและมันสมอง"[1]:331

นายเกจ "กระเด็นหงายหลังไปเพราะแรงระเบิด โดยมีอาการชักกระตุกที่เท้าและมือแต่สามารถพูดได้ภายใน 2-3 นาที" สามารถเดินไปโดยไม่ต้องช่วยเหลือและนั่งตัวตรงโดยสารเกวียนลากไปด้วยวัวเป็นระยะทาง 1.2 กิโลเมตรกลับไปที่พักในเมือง[1]:331น.พ. เอ็ดวาร์ด เฮ็ช. วิลเลียมส์ มาหาภายใน 30 นาทีหลังเกิดเหตุการณ์ โดยกล่าวไว้ว่า

ผมสังเกตเห็นแผลที่ศีรษะเป็นสิ่งแรกก่อนที่จะลงมาจากรถม้าของผม

เพราะว่า การเต้นของมันสมองเห็นได้ชัดเจนมาก(แผล) บนศีรษะปรากฏเหมือนกับกรวยกลับด้านเป็นเสมือนกับว่า วัตถุรูปร่างคล้ายลิ่มได้วิ่งผ่านจากด้านล่างขึ้นมาสู่ด้านบน (คือช่องข้างในใหญ่กว่ารูทางออก)ในขณะที่ผมกำลังเช็คแผลนี้อยู่ นายเกจได้เล่าเหตุการณ์ที่เขาได้รับความบาดเจ็บนี้ต่อคนที่อยู่ข้าง ๆในตอนนั้น ผมไม่เชื่อคำพูดของนายเกจเพราะคิดว่า นายเกจนั้นถูกหลอกแต่นายเกจก็ยืนยันว่า แท่งเหล็กนั้นทะลุผ่านศีรษะเขาไปจริง ๆแล้วนายเกจก็ลุกขึ้นอาเจียนและแรงอาเจียนก็ดันมันสมองออกมาครึ่งถ้วยชา แล้วตกลงไปที่พื้น[upper-alpha 7]

ส่วนหมอฮาร์โลว์รับช่วงต่อจากหมอวิลเลียมส์ที่ช่วง 18 น. และกล่าวว่า

คนไข้แสดงความอดทนต่อความเจ็บปวดของเขาด้วยความเข็มแข็งกล้าหาญอย่างที่สุด

เขาสามารถจำผมได้ทันที และกล่าวว่า เขาหวังว่า เขาไม่ได้รับความบาดเจ็บอะไรมากเขามีสติสมบูรณ์ดี แต่ว่าเริ่มเหนื่อยล้าเพราะเลือดไหลออกมากตัวของเขา พร้อมกับเตียงที่เขานอนอยู่ ล้วนเต็มไปด้วยเลือด[22]

การรักษาและการพักฟื้น

รายงานข่าวชิ้นแรก ๆ ของอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นกับนายเกจ จากหนังสือพิมพ์บอสตันโพสต์วันที่ 21 กันยายน ค.ศ. 1848

ด้วยความช่วยเหลือจากหมอวิลเลียมส์ หมอฮาร์โลว์ได้โกนหนังศีรษะที่บริเวณแผลทางออกของเหล็กตอกและได้เอาเลือดที่จับเป็นก้อน ชิ้นกระดูกเล็ก ๆ และมันสมองประมาณ 1 เอานซ์ (28.35 กรัม) ออกหลังจากตรวจหาสิ่งแปลกปลอมและประกบคืนกระดูกกะโหลกขนาดใหญ่ที่หลุดออกมา 2 ชิ้นหมอฮาร์โลว์ก็ปิดแผลด้วยแถบผ้าชุบยางไม้ (ที่ทำหน้าที่เป็นกาว) [ต้องการอ้างอิง]ทิ้งบางส่วนให้เปิดอยู่เพื่อเป็นที่ระบายส่วนทางเข้าของแผลที่แก้มก็พันผ้าไว้อย่างหลวม ๆ เท่านั้นโดยเหตุผลเดียวกันจากนั้น ก็ปิดด้วยผ้าอัดแผลที่เปียก ตามด้วยหมวกนอน (nightcap) ตามด้วยผ้าพันแผลเพื่อรัดเครื่องปิดแผลเหล่านั้นไว้ นอกจากนั้นแล้ว หมอฮาร์โลว์ก็ยังทำแผลที่มือและแขน (ซึ่งเหมือนกับที่ใบหน้า "[มีแผล] ไหม้ในระดับลึก")และสั่งให้ตั้งศีรษะไว้ในที่สูงในช่วงเย็นวันนั้นหลังจากนั้น หมอฮาร์โลว์ได้บันทึกไว้ว่า "มีสติสัมปชัญญะดี บอกว่า 'ไม่ต้องการจะให้เพื่อนมาเยี่ยม เพราะจะกลับไปทำงานอีกใน 2-3 วัน'"[11]:390-1[1]:333[2]:31-2,60-1

การฟื้นสภาพของนายเกจในช่วงต่อมาใช้เวลานานและมีความยากลำบากแรงกดที่สมอง[upper-alpha 8]ทำให้เขาอยู่ในอาการกึ่งโคม่าเริ่มตั้งแต่วันที่ 23 กันยายนโดยคุณหมอบันทึกไว้ว่า "พูดน้อยยกเว้นถ้าคนอื่นมาพูดด้วย และแม้กระนั้นก็ตอบรับด้วยคำที่มีพยางค์เดียวเท่านั้น"และโดยวันที่ 27 "เพื่อนและผู้ดูแลคิดว่า เขาจะตายภายในไม่กี่ชั่วโมงนี้ ได้ตระเตรียมโลงศพและเสื้อผ้า (สำหรับคนตาย) เรียบร้อยแล้ว"โดยรับแรงกดดันจากสภาพหมดอาลัยตายอยากเช่นนี้ หมอฮาร์โลว์ได้ "ตัดเอา fungi ที่งอกออกมาจากสมองส่วนบนออกโดยทำช่องแผลนั้นให้เต็ม และทาสารกัดที่ fungi เหล่านั้นอย่างไม่จำกัดผมเปิดหนังหุ้ม (integuments)ระหว่างแผลทางออกกับบริเวณเหนือจมูกออกด้วยมีดผ่าตัด และทันใดนั้นเอง ก็มีหนองเสียไหลออกมาประมาณ 8 เอานซ์ (227 กรัม)พร้อมกับเลือด ซึ่งมีกลิ่นเหม็นอย่างสุด ๆ"[ต้องการอ้างอิง](นักเขียนบาร์กเกอร์กล่าวว่า "นายเกจโชคดีที่เจอหมอฮาร์โลว์มีหมอน้อยคนในปี ค.ศ. 1848 ที่มีประสบการณ์เกี่ยวกับฝีหนองในสมอง ที่หมอฮาร์โลว์ได้จาก[วิทยาลัยการแพทย์เจ็ฟเฟอร์สัน] ซึ่งเป็นทักษะที่น่าจะช่วยชีวิตของนายเกจไว้")[4]:679-80[upper-alpha 9]

ในวันที่ 7 ตุลาคม นายเกจ "สามารถลุกขึ้นได้ด้วยตนเอง และเดินไปก้าวหนึ่งไปนั่งที่เก้าอี้"อีกเดือนหนึ่งต่อมา เขาสามารถเดิน "ขึ้นลงบันได ไปในที่ต่าง ๆ ในบ้าน และเดินไปที่ระเบียง"และในช่วงเวลาที่หมอฮาร์โลว์ไม่อยู่เป็นเวลาอาทิตย์หนึ่งนายเกจ "เดินไปตามถนนทุก ๆ วันยกเว้นวันอาทิตย์"โดยมีความปรารถนาจะกลับไปหาครอบครัวของเขาในมลรัฐนิวแฮมป์เชียร์ที่ "เพื่อนของเขาไม่สามารถช่วยได้.. (และนายเกจ) เริ่มเกิดอาการเท้าเปียก และรู้สึกหนาว"หลังจากนั้นไม่นานก็เกิดเป็นไข้ แต่ภายในกลางเดือนพฤศจิกายน เขาก็ได้ "รู้สึกดีขึ้นในทุก ๆ ด้าน...สามารถเดินไปมาในบ้านได้อีก บอกว่าเขาไม่รู้สึกเจ็บปวดในศีรษะ"การพยากรณ์โรคของคุณหมอในช่วงนี้คือ นายเกจ "ปรากฏเหมือนกับจะฟื้นตัวดีขึ้น ถ้าสามารถควบคุมเขาได้"[11]:392-3

แหล่งที่มา

WikiPedia: ฟิเนียส์_พี._เกจ http://brightbytes.com/phineasgage/index.html http://brightbytes.com/phineasgage/more.html http://www.brightbytes.com/phineasgage/index.html http://www.brightbytes.com/phineasgage/new_image.h... http://books.google.com/?id=xicZAAAAYAAJ&pg=PA313#... http://books.google.com/books?id=1S0EAAAAYAAJ&pg=P... http://books.google.com/books?id=9HQIHnREqhkC&lpg=... http://books.google.com/books?id=F8UZAAAAIAAJ http://books.google.com/books?id=Qx4fMsTqGFYC&prin... http://books.google.com/books?id=XXxtmdcj_04C&prin...