ประวัติ ของ ภาษามราฐี

ภาษามราฐีเป็นภาษาที่สืบทอดลักษณะทางไวยากรณ์และคำศัพท์จากภาษาสันสกฤต โดยผ่านภาษามหาราษฏรี ซึ่งเป็นภาษาถิ่นหนึ่งของภาษาปรากฤต ในสมัยจักรวรรดิสาตวาหนะ ซึ่งมีราชธานีในเมืองประติษฐาน ในราวพุทธกาล ภาษามราฐีถือเป็นภาษาหลักของภูมิภาคนั้น และนับว่าเป็นภาษาปรากฤตที่แผร่หลายกว้างขวางที่สุดในยุคนั้น และโดดเด่นเหนือกว่าภาษาปรากฤตทั้งหมดที่ใช้ในวรรณคดีประเภทบทละคร (ได้แก่ มหาราษฏรี เสารเสนี และมาคธี) นอกจากนี้ยังมีการใช้ภาษามหาราษฎรีแขนงหนึ่งในการบันทึกคัมภีร์ศาสนาเชน ขณะที่จักรพรรดิสัตตสัยทรงแต่งโศลก 700 บท เป็นชิ้นงานที่มีชื่อเสียงที่สุดในบรรดาวรรณกรรมภาษามหาราษฎรี ภาษามหาราษฏรีค่อยๆ วิวัฒนาการไปสู่ภาษามราฐี ในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 15-16

ภาษาปรากฤตหลายภาษารวมทั้งภาษามหาราษฏรีเป็นภาษาที่สืบทอดมาจากภาษาสันสกฤตพระเวท และต่อมาได้พัฒนาเป็นภาษาสมัยใหม่รวมทั้งภาษามราฐี อย่างไรก็ตาม เชื่อกันว่า ภาษามราฐีได้มีการรวมลักษณะของกลุ่มภาษาดราวิเดียนโบราณในบริเวณนั้นซึ่งใกล้เคียงกับบริเวณของผู้พูดภาษากันนาดาและภาษาเตลูกู และได้รวมลักษณะของภาษามหาราษฏรีและภาษาสันสกฤตเอาไว้ด้วย นอกจากนั้น ในปัจจุบันยังได้รับอิทธิพลจากภาษาเปอร์เซีย ภาษาอาหรับหรือภาษาอูรดูซึ่งทำให้ภาษานี้มีลักษณะใกล้เคียงกับภาษาฮินดี

ภาษามหาราษฏรีใช้เป็นภาษาพูดจนถึงประมาณ พ.ศ. 1418 และเป็นภาษาราชการของจักรวรรดิสาตวาหนะ ซึ่งมีการใช้เขียนวรรณคดีที่สำคัญหลายเรื่อง ภาษามหาราษฏรีจัดเป็นภาษาปรากฤตที่มีการใช้มากที่สุดทางตะวันตกและทางใต้ของอินเดียโดยใช้ในบริเวณมัลวา และราชปุตนะทางเหนือไปจนถึงกฤษณะและตุงคภัทรทางใต้

ยุคเริ่มต้น – พุทธศตวรรษที่ 16

เอกสารภาษามราฐีที่พบการเขียนในยุคแรก พบในรัฐกรณาฏกะ อายุราว พ.ศ. 1243 พบจารึกบนแผ่นทองแดงของวิชยทิตย์ในสตระอายุราว พ.ศ. 1282 และยังพบจารึกหินที่พระบาทของสรวนเพลโฆล โฆมาเทศวรร ซึ่งสร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 1526 และยังพบในเอกสารของศาสนาเชน ในช่วงเวลานั้น ภาษษมราฐีจัดเป็นภาษาเอกเทศที่มีผู้ใช้อย่างเป็นทางการตั้งแต่ทางเหนือของรัฐมหาราษฏระไปจนถึงทางใต้ของรัฐกรณาฏกะ พบจารึกที่มีอายุระหว่าง พ.ศ. 1522 – 1813

พุทธศตวรรษที่ 17 – พ.ศ. 2448

วรรณคดีภาษามราฐีเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว จากการสนับสนุนของราชวงศ์ยทวะแห่งเทพคีรี ภาษามราฐีเป็นภาษาที่ใช้ในศาลและมีการแปลภควัตคีตาจากภาษาสันสกฤตเป็นภาษามราฐี จักะธรร สวามี แห่งมหนุภาพ เป็นผู้ทำให้ภาษามราฐีแพร่หลายไปในฐานะภาษาที่เป็นสื่อกลางทางศาสนาและวัฒนธรรม

ตั้งแต่พ.ศ. 2173 ภาษามราฐีมีความสำคัญมากขึ้นพร้อมกับการขยายอำนาจของจักรวรรดิมราฐา ซึ่งได้ขยายจักรวรรดิไปทางเหนือจนถึงเดลฮี ทางตะวันออกไปถึงโอริสสาและทางใต้ไปจนถึงทันชวูร์ในทมิฬนาฑู ทำให้มีการแพร่กระจายของภาษามราฐีไปในบริเวณเหล่านี้ หลังพุทธศตวรรษที่ 23 จักรวรรดิมราฐาได้ลดความสำคัญลง

ยุคใหม่

หนังสือพิมพ์ภาษามราฐีในมุมไบ

หลังพ.ศ. 2343 จนถึงพุทธศตวรรษที่ 25 ในสมัยที่เป็นอาณานิคมของอังกฤษ มีการจัดมาตรฐานของไวยากรณ์ภาษามราฐีโดยมิชชันนารี William Caray ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการสร้างสารานุกรมและไวยากรณ์ภาษามราฐี ภาษาในยุคนี้เริ่มได้รับอิทธิพลจากภาษาอังกฤษโดยเฉพาะกลุ่มที่ได้รับการศึกษา หนังสือภาษามราฐีที่แปลมาจากภาษาอังกฤษตีพิมพ์ครั้งแรกเมื่อ พ.ศ. 2360 และหนังสือพิมพ์ภาษามราฐีเริ่มตีพิมพ์เมื่อ พ.ศ. 2378 หลังจากอินเดียได้รับเอกราช ภาษามราฐีมีสถานะเป็นภาษาที่มีความสำคัญระดับชาติ ตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2503 ได้มีการจัดตั้งองค์กรทางด้านภาษามราฐีขึ้นในรัฐมหาราษฏระ และจัดให้มีการประชุมวิชาการทางด้านภาษามราฐีขึ้นทุกปี

แหล่งที่มา

WikiPedia: ภาษามราฐี http://www.ethnologue.com/show_language.asp?code=m... http://maharashtratimes.indiatimes.com/articleshow... http://www.omniglot.com/writing/marathi.htm http://www.msubaroda.ac.in/departmentinfo.php?ffac... http://www.osmania.ac.in/Arts%20College/Marathi.ht... http://dnh.nic.in/deptdoc/vguide.pdf http://www.gulbargauniversity.kar.nic.in/deptmarat... http://nclm.nic.in/shared/linkimages/35.htm http://multitree.linguistlist.org/codes/omr http://www.sil.org/iso639-3/documentation.asp?id=m...