ประวัติ ของ ภาษาแอราเมอิกของชาวยิว

การใช้ในยุคแรก

ภาษาอราเมอิกเป็นภาษากลุ่มเซมิติกตะวันตกเฉียงเหนือเช่นเดียวกับภาษาฮีบรูและมีลักษณะร่วมกันมาตั้งแต่ 157 ปีก่อนพุทธศักราช ภาษาอราเมอิกเป็นภาษากลางในตะวันออกกลางและเป็นภาษาทางการค้าแต่ไม่มีการใช้ในหมู่ชาวยิวยุคแรกๆ

การปรับตัว

ในช่วง 57 ปีก่อนพุทธศักราช อิทธิพลของบาบิโลเนียทำให้ชาวยิวรับภาษาจากเมโสโปเตเมียไปใช้ในชีวิตประจำวันมากขึ้น ราว พ.ศ. 43 กษัตริยย์ดาริอุสมหาราชที่ 1 แห่งเปอร์เซียประกาศให้ภาษาอราเมอิกเป็นภาษาราชการของจักรวรรดิฝั่งตะวันตกของพระองค์ ทำให้ชาวยิวเปลี่ยนจากการใช้ภาษาฮีบรูมาใช้ภาษาอราเมอิกมากขึ้น โดยใช้ภาษาฮีบรูเป็นภาษาแม่และภาษาในสังคม ใช้ภาษาอราเมอิกทางการค้าและการติดต่อกับนานาชาติ ต่อมามีการใช้ภาษาอราเมอิกในชีวิตมากขึ้นเช่นในตลาด ในที่สุดภาษาอราเมอิกได้เข้ามาแทนที่ภาษาฮีบรูในชีวิตประจำวัน ภาษาฮีบรูจึงใช้ในทางศาสนาเท่านั้น

ยุคของกรีกและการนำไปสู่การแพร่กระจาย

การรุกรานตะวันออกกลางของพระเจ้าอเล็กซานเดอร์มหาราชเมื่อ พ.ศ. 212 ทำให้การใช้ภาษากรีกแพร่กระจายไปในตะวันออกกลาง แต่ความสำคัญของภาษาอราเมอิกยังคงอยู่ ยูเดียเป็นบริเวณหนึ่งที่ภาษาอราเมอิกยังมีความสำคัญและยังใช้ในหมู่ชาวยิวบาบิโลเนีย การล่มสลายของจักรวรรดิเปอร์เซียและแทนที่ด้วยอิทธิพลกรีกทำให้การใช้ภาษาฮีบรูลดจำนวนลง การเขียนในยุคเซเลยูซิดและฮัสโมเนียนแสดงให้เห็นว่าภาษาอราเมอิกได้เข้ามาเป็นภาษาของชาวยิวแล้ว โดยภาษาฮีบรูกลายเป็นภาษาศักดิ์สิทธิ์ สิ่งที่เป็นพยานในยุคนี้คือความเปลี่ยนแปลงของไบเบิลภาษาอราเมอิกในหนังสือของดาเนียลและเอซรา ภาษานี้แสดงลักษณะของภาษาฮีบรูที่เข้ามาสู่ภาษาอราเมอิกของชาวยิว มีการใช้อักษร He แทนที่ Aleph เพื่อเป็นเครื่องหมายแสดงคำที่ลงท้ายด้วยเสียงอา และเป็นอุปสรรคของระบบกริยาที่แสดงกรรม และนามลงท้ายด้วยพหูพจน์เพศชาย –īm แทนที่ –īn

การแบ่งแยกระหว่างสำเนียงตะวันตกและตะวันออกของภาษาอราเมอิกในหมู่ชาวยิวมีความชัดเจน การแปลตาร์คุมของชาวยิวไปเป็นภาษาอราเมอิกเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับชุมชนที่ไม่เข้าใจภาษาต้นฉบับ ในหมู่นักศาสนา ยังคงเข้าใจภาษาฮีบรูแต่ใช้ภาษาอราเมอิกในการเขียนมากขึ้น ภาษาอราเมอิกยังใช้ในการเขียนม้วนหนังสือแห่งทะเลสาบเดดซี มิซนะห์ และโตเซฟาควบคู่ไปกับภาษาฮีบรู

ในการแพร่กระจายของชาวยิว

การปฏิวัติของชาวยิวครั้งใหญ่เมื่อ พ.ศ. 473 และการปฏิวัติของบาร์ โกขบาใน พ.ศ. 678 ทำให้ชาวโรมันเข้ามาทำลายสังคมและศาสนาของชาวยิว แต่ก็ยังมีโรงเรียนของชาวยิวในบาบิโลนและแรบไบในกาลิลีที่ยังจัดการศึกษาต่อไป ภาษาอราเมอิกของชาวยิวได้ต่างจากภาษาอราเมอิกมาตรฐานของจักรวรรดิเปอร์เซียในยุคนี้ ภาษาอราเมอิกบาบิโลเนียยุคกลางเป็นสำเนียงเด่น และเป็นพื้นฐานของทัลมุดในบาบิโลเนีย ภาษาอราเมอิกกาลิลียุคกลางมีอิทธิพลต่อการเขียนในด้านตะวันตก สำเนียงนี้เป็นภาษาแม่ของมาโซเรเตสซึ่งสร้างเครื่องหมายช่วยในการออกเสียงของภาษาฮีบรูและภาษาอราเมอิก เครื่องหมายสระมาตรฐานที่เป็นแบบจุดของตานัขจึงน่าจะแสดงการออกเสียงของภาษาอราเมอิกกาลิลียุคกลางมากกว่าของภาษาฮีบรูรุ่นแรก

ในช่วงที่มีการแพร่กระจายของชาวยิว ภาษาอราเมอิกเป็นภาษาที่สำคัญภาษาหนึ่งของชุมชนชาวยิวที่แพร่กระจายไป และกลายเป็นภาษาของนักวิชาการศาสนาเหมือนเช่นที่ภาษาฮีบรูเคยเป็นมาก่อน โซฮาร์ที่เผยแพร่ในสเปนเป็นพยานถึงความสำคัญของภาษานี้

ในพุทธศตวรรษที่ 25

ภาษาอราเมอิกยังคงเป็นภาษาแรกของชุมชนที่ยังอยู่ในบริเวณที่ใช้ภาษาอราเมอิกตลอดเมโสโปเตเมีย ในราว พ.ศ. 2443 มีชุมชนชาวยิวอยู่ในบริเวณกว้างของทะเลสาบอูร์เมียและที่ราบโมซูลและไปไกลทางตะวันออกจนถึงซานันดาซ ซึ่งในบริเวณดังกล่าวมีชุมชนของชาวคริสต์ที่พูดภาษาอราเมอิกอยู่ด้วยแต่มักไม่เข้าใจซึ่งกันและกัน

เมื่อมีการก่อตั้งรัฐอิสราเอล ทำให้ชาวยิวอพยพกลับไปสู่ตะวันออกกลางและทำให้ชุมชนผู้พูดภาษาอราเมอิกมาแต่โบราณลดจำนวนลง ปัจจุบันผู้พูดภาษาอราเมอิกของชาวยิวเป็นภาษาแม่อยู่ในอิสราเอลและหันไปใช้ภาษาฮีบรูสมัยใหม่ ผู้พูดคนสุดท้ายของสำเนียงบิยิลีจากเคอร์ดิสถานของอิรักตายเมื่อ พ.ศ. 2541 สำเนียงบาร์ซานีไม่มีผู้พูดเป็นภาษาแรกและมีผู้ใช้เป็นภาษาที่สองเพียง 20 คน และใกล้จะเป็นภาษาตาย คาดว่าน่าจะมีผู้พูดภาษาอราเมอิกของชาวยิวทุกสำเนียงเพียง 26,000 คน